กระดังงา ..ไม้ประดับ มากคุณค่า บำรุงหัวใจ !!

       เป็นไม้ยืนต้นที่มีอีกชื่อที่เรียกว่า สะบันงา ลักษณะเด่นอยู่ตรงที่ออกดอกเป็นช่อสั้น ออกห้อยรวมกันบนกิ่ง ช่อหนึ่งๆ มี 3-6 ดอก ดอกใหญ่ เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอม มีเกสรดอกไม้จำนวนมาก ดอกส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวัน และโชยกลิ่นหอมแรงมากขึ้นในช่วงเย็นใกล้ค่ำ ดอกบานได้ 2-3 วันก็โรย

         ดอกกระดังงาไทยออกดอกได้ตลอดทั้งปี ส่วนผลเกิดเป็นกลุ่ม อยู่บนแกนตุ้มกลุ่ม 4-15 ผล ต้นกระดังงาพบได้ตามป่าทั่วไป หรือตามพื้นที่โล่ง ข้างถนน ผู้คนโบราณนิยมนำมาดมกลิ่นจากดอก ใช้กลิ่นปรุงอาหาร ขนม หรือน้ำหอมได้ และยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย

       สรรพคุณของกระดังงา

       ดอกแก่จัด – ใช้เป็นยาหอมบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต บำรุงธาตุ แก้ลมวิงเวียน ชูกำลัง ทำให้ชุ่มชื่น ให้น้ำมันหอมระเหยที่ใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอาง น้ำอบ ทำน้ำหอม ใช้ปรุงยาหอม บำรุงหัวใจ[ads]

       ดอกแห้ง – นำมาผสมกับดอกไม้หอมอื่นๆ สำหรับทำบุหงา เกสร แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้โรคตา ช่วยเจริญอาหาร

       ใบ – แก้ท้องเสีย ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน 

       เนื้อไม้ – ต้มรับประทาน เป็นยาขับปัสสาวะพิการ

       – ดอกกระดังงาจัดอยู่ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดเกสรทั้ง 7 (สัตตะเกสร)” คือจำกัดจำนวนเกสรดอกไม้ 7 อย่าง มี เกสรบัวหลวง ดอกพิกุล ดอกสารภี ดอกบุนนาค ดอกมะลิ ดอกจำปา และดอกกระดังงา มีสรรพคุณชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ไข้เพื่อเสมหะ และโลหิต แก้ไข้เพ้อกลุ้ม แก้ลมวิงเวียน แก้น้ำดี แก้ไข้ แก้ไข้เพื่อปถวีธาตุ ทำให้เจริญอาหาร แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้โรคตา[ads]

       – จัดอยู่ใน “พิกัดเกสรทั้ง 9 (เนาวเกสร)” มีดอกลำเจียก และดอกลำดวน เพิ่มเข้ามา มีสรรพคุณ แก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ลม บำรุงหัวใจ ชูกำลัง แก้อ่อนเพลีย แก้พิษโลหิต

       ความรู้เพิ่มเติม : ปัจจุบันมีการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่าน้ำมันระเหยที่ได้จากกระดังงามีฤทธิ์ ลดความดัน ต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ยีสต์ ไล่แมลง ฆ่าเซลล์มะเร็ง เป็นเครื่องหอมแก้อาการหัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบ ความดันสูง ปัญหาระบบทางเดินอาหาร ใช้สงบประสาท และลดไข้ได้

       นอกจากดอกกระดังงาไทยจะสวยงามและมีกลิ่นหอมแล้ว ในปัจจุบันดอกกระดังงาไทย ได้รับความนิยมนำไปสกัดน้ำมันหอมระเหยอย่างมาก บางทีอาจได้พบเจอในกลิ่นน้ำหอม กลิ่นอาหาร ขนมต่างๆ และการใช้ประโยชน์ทางยาของกระดังงา ควรอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้รู้ ปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีค่ะ

เรียบเรียงโดย : Kaijeaw.com