คุณครูโทรหา “แม่ของเด็กหญิงที่ทำร้ายเพื่อน” ครูถึงกับเงิบเมื่อแม่มาถึงโรงเรียน!!
advertisement
ไม่มีผู้ปกครองคนไหนหรอกที่อยากได้ยินเสียงโทรศัพท์โทรมาจากโรงเรียน เนื่องด้วยส่วนมากแล้วมันจะเป็นสายโทรมาแจ้งว่าลูกของคุณมีเรื่องที่โรงดรียน แต่เมื่อไปถึงโรงเรียนแล้วผู้ปกครองก็ควรใจเย็นๆก่อนนะคะ อย่าพึ่งไปว่าเด็กควรที่จะฟังพวกแกเล่าก่อน บางครั้งเรื่องที่เกิดขึ้นอาจไม่เหมือนเรื่องที่คุณครูโทรไปบอกก็ได้ อย่างเช่นเรื่องราวในวันนี้
advertisement
ฉันทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลมีกฎห้ามพยาบาลพกอุปกรณ์สื่อสาร ถ้าเอามาก็ต้องเก็ยไว้ที่ล็อกเกอร์ มีอยู่วันหนึ่งโทรศัพท์จากโรงพยาบาลถึงฉัน บอกว่าทางโรงเรียนของลูกสาวฉันต้องการที่จะคุยด้วยเป็นการเร่งด่วน
คนในสาย : "สวัสดีครับ!!..ผมเป็นคุณครูที่โรงเรียนที่ลูกสาวของคุณเรียนอยู่ ลูกสาวของคุณเกิดเรื่อง เราต้องการให้คุณมาที่โรงเรียนด่วนเลยครับ"
advertisement
ฉัน : "แกเป็นอะไรหรอค่ะ!!..(พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ) แกป่วยหรือได้รับบาดเจ็บหรอคะครู ฉันเหลือเวลาต้องเข้าเวรอีกสองชั่วโมง รอฉันสักพักได้มั้ย?"
คนในสาย : "ลูกสาวของคุณไปทำร้ายร่างกายนักเรียนชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ พวกเราพยายามติดต่อหาคุณมาประมาณ 45 นาทีแล้ว เรื่องนี้สำคัญมาก"[ads]
ฉันรีบไปโรงเรียนของลูก พอไปถึงห้องผอ. ก็เห็นลูกสาวของฉัน ครูประชั้นแก คุณครูผู้ชายคนนึง กับผอ. แล้วก็เด็กผู้ชายคนนึงที่หน้าเต็มไปด้วยเลือดกับพ่อแม่ของเขา
advertisement
ผอ. : "ในที่สุดคุณแม่ก็มาถึงสักทีนะ!!"
ฉัน : "ค่ะ!! ที่ทำงานของฉันที่ห้องฉุกเฉินงานยุ่งมาก ฉันเพิ่งช่วยเด็ก 7 ขวบคนนึงทำแผลที่แม่ใช่ทัพพีโลหะตี หลังจากนั้นก็ไปช่วยให้ปากคำกับตำรวจ ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ”
ผอ.ได้ยินแล้วก็กระอักกระอ่วนเล็กๆ แต่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟัง ที่แท้ความจริงเด็กผู้ชายคนนี้ก็ "ดึงเสื้อใน" ของลูกสาวฉันจนตะขอหลุด ลูกสาวฉันก็เลยซัดหน้าไปสองหมัด ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเขามองว่าลูกสาวของฉันทำผิดมากกว่าเด็กผู้ชายคนนั้น
advertisement
ฉัน : "อ้อ เพราะงั้นคุณก็เลยอยากรู้ว่าฉันจะฟ้องเด็กคนนี้ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศไหม กับฟ้องโรงเรียนที่ให้แกทำแบบนี้!! ก็เลยเรียกฉันมาใช่มั้ยคะ?”
พอฉันพูดถึงการล่วงละเมิดทางเพศ คุณครูทั้งหลายก็เริ่มวิตก
ครูผู้ชาย : "ผมว่ามันไม่ร้ายแรงขนาดนั้น"
ผอ. : "ผมว่าคุณเข้าใจผิดจุดแล้ว"
advertisement
ตอนนั้นแม่ของเด็กผู้ชายก็ร้องไห้ออกมา ฉันก็เลยหันไปถามลูกว่าเรื่องราวเป็นยังไง
ลูกสาว : "เขาแกล้งดึงเสื้อในหนูตลอดเวลา หนูบอกให้หยุดเขาก็ไม่หยุด หนูไปบอกคุณครู แต่คุณครูบอกว่า "อย่าไปสนใจก็พอ" ต่อมาเขาก็ดึงเสื้อในหนูจนตะขอหลุด หนูก็เลยต่อยเขา เขาถึงได้ยอมหยุดค่ะ"
ฉันหันไปถามคุณครู : "คุณทำอย่างนั้นหรอ? ทำไมไม่ห้ามเด็ก? งั้นมาให้ฉันจับมั่งไหม?”
คุณครูตกใจ : "อะไรกันครับคุณ!! ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น!!”
advertisement
ฉัน : "ทำอย่างนั้นเหมาะสมไหม? ทำไมคุณไม่ไปดึงเสื้อในครูประจำชั้น หรือเสื้อในของแม่น้องผู้ชายคนนี้ล่ะ ดูซิว่าพวกเธอจะชอบมั้ย?
ผอ. : "คุณแม่ ลูกสาวของคุณแม่ทำร้ายร่างกายคนอื่นนะครับ!!"
ฉัน : "ไม่ใช่ แกแค่ปกป้องตัวเองหรอกหรอค่ะ!! คุณดูเด็กผู้ชายคนนี้สูงเกือบ 180 หนักเกือบ 70 เห็นจะได้ แล้วดูลูกสาวฉันสูงแค่ 150 กว่า หนักแค่ 40 กิโล ดูเด็กผู้ชายคนนี้เขาต้องรังแกลูกสาวฉันมากแค่ไหนแกถึงกล้าทำถึงขนาดนี้? เขาล่วงละเมิดแกในห้องเรียน จะให้แกทำยังไงกันหรอค่ะ?”[ads]
แม่ของเด็กชายยังร้องไห้ไม่หยุด พ่อของเขาดูทั้งโกรธทั้งทำตัวไม่ถูก คุณครูก็ไม่กล้ามองตาฉัน ฉันก็เลยจ้องไปที่ผอ.
ฉัน : "ฉันจะพาลูกกลับบ้าน เด็กชายคนนี้ได้รับบทเรียนแล้ว หวังว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ไม่เพียงแต่กับลูกสาวฉัน แต่กับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆด้วย เขาไม่ควรทำอย่างนี้กับเด็กผู้หญิงอายุแค่ 15 ถ้าเขายังทำอีก ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เข้าใจมั้ย?"
ฉันโมโหมาก ให้ลูกสาวเก็บของแล้วรีบกลับบ้าน ต่อมาฉันได้มีโอกาสรู้จักสมาชิกสภาจังหวัดที่โบสถ์ และยังร้องเรียนกับสมาคมโรงเรียนแห่งชาติ (OFSTED) พวกเขารับปากว่าจะติดต่อไปที่โรงเรียน และย้ายลูกสาวฉันไปเรียนห้องอื่น เพื่อจะได้อยู่ให้ไกลจากนักเรียนชายและครูคนนั้น
advertisement
เป็นยังไงกันบ้างค่ะหลังจากอ่านเรื่องนี้จบแล้ว ทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าบางทีเวลาโทรศัพท์จากโรงเรียนโทรมาเรื่องลูก จริงๆแล้วมันอาจมีเรื่องราวที่มากกว่านั้น หากคุณแม่คนนี้ไปที่โรงเรียนแล้วไม่ฟังความจริงจากลูกก่อนเอาแต่ว่าเด็กอย่างเดียว ลูกสาวก็อาจไม่ไว้ใจแม่อีกต่อไปเลยก็ได้ ไข่เจียวหวังว่าเรื่องราวในวันนี้จะทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่าน เข้าใจและอย่าไปตัดสินลูกก่อนให้โอกาสแกได้อธิบายความจริง
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com