ชาวเน็ตแห่ชม!! พยาบาลสาวใจแกร่ง ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร
advertisement
แห่ชมความอดทนและความใจแกร่งของพยาบาลสาวท่านนี้นะคะความฝันของเธอคืออยากจะเป็นพยาบาลแต่เมื่อในการที่เป็นนั้นอุปสรรค์มันเยอะเหลือเกิน เธอจึงได้มาถ่ายทอดเรื่องราว หลังจากที่ประสบความสำเร็จแล้ว บอกเลยว่าถึงร่างกายเธอจะพิการแต่หัวใจเธอไม่เคยพิการเลย โดยเธอเล่าเรื่องราวก่อนที่จากเป็นคนปกติจนต้องมาพิการ และประสบความสำเร็จในปัจจุบัน สุดๆเก่งจริง ไปชมเรื่องราวนี้กันเลยดีกว่าคะ
advertisement
การเดินทาง บนเส้นทางสีขาวเป็นเด็กบ้านนอก ที่ไกลพ้นจากเชียงใหม่ขนาดคนในเชียงใหม่ยังไม่รู้จักเลยอมก๋อย หู้ว…ไกลจังใช่ค่ะไกล แต่ว่าอยู่แม่ตื่นอีกทีนะค่ะห่ะ แม่ตื่น อยู่ตรงไหนลูกใต้สุดของเชียงใหม่ค่ะ ติดตากเลยเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ไม่รู้จริง ๆพื้นที่ความห่างไกล ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหอบฝันไว้พยาบาล จะไปเรียนพยาบาล คิดไว้ตั้งแต่ ม.3เริ่มต้นด้วยการต้องเรียนสาย วิทย์ – คณิตฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ โอ้โหไม่ง่ายสักตัว ไม่ใช่เด็กเก่งด้วย เป็นไงเป็นกันช่วงเวลา ม.6 เทอม 1 ต้องหาที่เรียนต่อเอาไงล่ะทีนี้ สอบ Gat Pat วนกันไปสิจ๊ะ
มุ่งหน้าเลยวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่คิดว่าง่ายเหรอ ไม่ง่ายเลย ยื่นรับตรงรอบแรกแห้วกินสิค่ะ คะแนน Gat Pat น้อย บวกกับเค้ารับคนน้อยจบข่าว รอรอบ admition ต่อไป ความหวังสุดท้ายก็ตรงรอบนี้แหละ สุดท้ายเป็นไง ร้องไห้ คุณไม่ได้ไปต่อ นี่คือความผิดหวังของเด็ก ม.6 ที่ไม่ได้ที่เรียนตามต้องการจะให้เอาไงต่อล่ะ ก็ต้องไปสอบที่อื่นสิ จบท้ายด้วย ติดครูเคมี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางคือเอาตรง ๆ ที่เลือกครูเคมีเพราะคิดว่า ต้องได้เรียนพื้นฐาน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ใหม่แน่นอนเป็นการปูทางกลับมาสอบพยาบาลใหม่อีกบอกตัวเองว่าจะอยู่ที่นี่แค่ปีเดียวนะ ปีหน้าจะกลับเชียงใหม่ตั้งใจเรียนสุด ๆ อันนี้พูดจริงนะ เพราะจะได้พื้นฐานไปสอบ Pat 2[ads]
เมื่อถึงเวลาสอบ ลุยเลย อย่ารอช้า สอบใหม่ และก็สอบติดตามที่ได้ทุ่มเทมา ด้วยทุนโรงพยาบาลอมก๋อยยอมรับเลย ตัวสั่นไป 3 วัน พูดซ้ำๆ ว่าติดพยาบาลแล้ว ติดพยาบาลแล้ววันที่เข้ามารายงานตัว เปลี่ยนสถานที่เรียน จากเด็กมหาวิทยาลัยเปลี่ยนมาเป็นเด็กวิทยาลัย อยู่หอในจ้า 4 ปีเลย มีเช็คชื่อ เข้าออกตามเวลา กลับมารับน้องใหม่อีก 1 ปีเป็นไงล่ะ อิสรภาพเด็กมหาวิทยาลัย หมดกันทนๆ ไปล่ะกัน ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เรียนไปเรื่อย ๆ ภายใน 4 ปีแห่งวิทยาลัยพยาบาลมีทั้งสุข ทุกข์ เรียนทฤษฏี ฝึกงาน ขึ้นเวร ลงเวรไม่มีวันปิดเทอม ปิดเยอะสุด 2 อาทิตย์ มันไม่ง่ายที่จะผลิตพยาบาลให้ออกมาสู่การทำงานจริงเพราะแต่ละคนมีพื้นฐานไม่เท่ากัน
สุดท้ายท้ายสุด ก็จะจบแล้ว รวดเร็วทันใจดีจริงแต่…..ภายในไม่กี่วินาที วูบ !!!!!จะได้ไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้เลยว่าจะไปทางไหนใช่ ต้องดรอปเรียนไว้ ณ ขณะที่จะฝึกงานเสร็จใน 1 เดือนนั้นหมายความว่ากำลังจะจบพยาบาลย้ำความคิดตลอดว่าจะได้ไปต่อมั้ย
ความผิดพลาดครั้งนี้ ย้อนกลับไม่ได้และเอาทุกอย่างคืนมาไม่ได้ แม้แต่ต้องเดินหน้าต่อ ในทางของเราเองโดยทางที่เดินมากับเพื่อนต้องแยกกันแค่นี้ เพราะตัวเราเองที่ไปต่อกับเพื่อนไม่ได้ไม่มีงานบายเนียร์ แบบเพื่อน ๆไม่ได้รับใบจบพร้อมเพื่อน และที่สำคัญอาจจะไม่ได้ไปต่อในวิชาชีพนี้ความรู้สึกของการผิดหวังครั้งที่ 2 แต่เป็นความผิดหวังที่หน้ากลัวที่สุดไม่มีอนาคตให้คาดเดา มีแต่ร่างกายที่ต้องพักฟื้นและเปลี่ยนไปเด็กสาวอายุ 23 ปีบริบูรณ์ คุณอาจจะเดินไม่ได้และเส้นทางสีขาวของคุณอาจจบเพียงเท่านี้ยากนะกับการต้องจัดการกับความกลัวที่มันแล่นอยู่ในหัวตลอดความเศร้า ความเจ็บปวด ความทรมาน มันค่อย ๆ เดินเข้ามาช้า ๆ นี่คือความเป็นจริงของชีวิต ที่ต้องรับมันให้ได้ถามว่าหนักมากแค่ไหน มันหนักมากจริง ที่ต้องมารับสภาพตัวเองในสถานะ “คนพิการ”
เวลา 6 เดือน กับสิ่งพวกนี้ พอกันทีแล้วสลัดมันทิ้งพาตัวเองกลับเข้ามาโรงพยาบาลสิ่งที่ต้องทำตอนนี้ไม่ใช่คิดฟุ้งซ่าน แต่คือการรักตัวเอง รักให้มากที่สุดเรียนรู้ไปกับการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วันกายภาพไปพร้อมกับทีมกายภาพ ทั้งหมอ นักกายภาพ และบุคคลอื่น ๆ ที่ให้ความช่วยเหลือในโรงพยาบาลสันทรายพวกเค้าไม่ใช่ญาติ แต่พวกเค้าช่วยเต็มความสามารถ เพราะนั่นคือความหวังดีให้เรากลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติอีกครั้ง
1 ปี กับ 6 เดือน ที่อยู่ในโรงพยาบาลและสิ่งที่ทุกคนกำลังลุ้นเหมือนกัน และมันเป็นความจริงเสียงผ่านสายโทรศัพท์ “กรรณิการ์ เธอสามารถกลับมาเรียนได้”นี่คือเสียงที่ทำให้ตัวเองสั่นอีกครั้ง เหมือนสอบติดใหม่ ๆ จากสถานะผู้ป่วย ต้องเปลี่ยนสถานะมาเป็นนักศึกษาพยาบาล
จะไปฝึกที่ไหนล่ะ ก็โรงพยาบาลสันทรายเนี้ยแหละแขย่งตัวเอง Feed อาหารก็ยังทำได้ แค่ตัวเตี้ย ทำแผลยังได้เลย ยังสามารถ ด้วยความทุลักทุเลน่ะแหละก็ถ้าไม่ลองทำดูจะรู้ได้ไงว่าทำได้ ฉีดยา เจาะเลือดก็ยังทำเป็นอยู่นะแค่กระโดดลงไป CPR ไม่ได้เท่านั้นเอง
1 เดือนกับการฝึกงาน พาตัวเองกลับเข้าไปสอบจบทั้งของสถาบันราชชนก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไม่ใช่งานง่ายเลย เพราะต้องมาลื้อความทรงจำในหนังสือใหม่หมดกับ 2 ปีที่ไม่ได้แตะมันเท่าไหร่ ดีที่ยังเข้าไปช่วยงานในวอร์ดตอนที่รักษาตัวอยู่ ไม่งั้นความรู้ที่มีก็คงไม่เหลือในสมองแน่ช่วงเวลาในการอ่านหนังสือสอบ
คุณกรรณิการ์ร่างกายคุณไม่เหมือนเดิมค่ะตัวแปลที่เข้ามาเพิ่มต้องกินยาลดขาเกร็งกระตุก และปวดปลายประสาทSide efface แต่ละตัว ง่วง ง่วง และก็ง่วง ไม่สามารถทนทานได้แบบเมื่อก่อนอีกแล้ว เอาไงล่ะแบ่งเวลาอ่านหนังสือ ติว 09.00 – 16.00 น. หลังจากกลับติว นอน…….
เวลาตื่น 02.30 คร่าว ๆ ลุกมาอาบน้ำ หลังจากนั้นอ่านหนังสือทนได้แค่ถึง 01.00 – 02.00 เพราะยาออกฤทธิ์ ต้องนอนเท่านั้นพึ่งค้นพบว่าไม่สามารถหามรุ่งหามค่ำได้แบบเมื่อก่อนแล้วลิมิตร่างกายได้แค่นี้จริง ๆ
เมื่อเรียนจบ ก็ต้องกลับไปติวต่อจนจะเริ่มทำงานจบวันที่ 17 พฤษภาคม แต่การสอบของเรายังไม่จบสอบสภาการพยาบาล (ใบประกอบวิชาชีพ)
สนามจริง เพราะนั่นหมายความว่าคุณจะได้เป็นพยาบาลเต็มตัว แบบไม่เถื่อนนะเริ่มทำงานวันที่ 1 มิถุนายน ต้องทำงานไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วยตอนนี้คือไม่ไหวแล้วต้องพึ่งชาเย็น 7-11 เพื่อสู้กับฤทธิ์ยาไม่ให้ง่วงนอนทำแบบเดิมซ้ำ ๆ แต่เพิ่มเวลาอ่านหนังสือเข้าไปอัด อัด อัด และจำ จำ จำ ต้องเข้าใจ เข้าใจ เข้าใจนอนคาหนังสือก็หลายครั้ง ไม่อยากจะอ่านก็หลายหนแต่เพื่อตัวเองต้องเอาหัวยกขึ้นและอ่านมันต่อไปเรื่อย ๆ
ทำข้อสอบเก่า ซ้ำ ๆ ทำวนไป แบบนั้นเรื่อย ๆ เอาเป็นว่าเดือนนี้ห้องกองไปด้วยหนังสือ 8 วิชา
วันจริง เป็นไงเป็นกัน สอบวันที่ 23 – 24 มิถุนายน ก่อนสอบทุกวิชานั่งสมาธิวนไป รอก่อนถึงเวลาสอบทำข้อสอบให้สบายสมองที่สุด และก็บอกตัวเองได้แค่ไหนเอาแค่นั้นออกจากห้องสอบมา บอกตัวเองว่าตกแน่นอน ข้อสอบอะไร ทำไม่ได้ รอวันประกาศผลวันที่ 23 กรกฎาละกัน เห้อ…ยาวๆและเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม บอกตัวเองว่ากรรณิการ์จะไม่ตื่นเต้นค่อยดูตอนเย็นละกัน ที่ไหนได้ พอเริ่มมีคนโพสน์ผลสอบเรื่อย ๆ กรรณิการ์ก็อยู่นิ่งไม่ไหว พุทธหนอ โธหนอ เอาเป็นว่า 14.00 น. รนไม่เป็นท่า แถมระบบล้มอีก ให้ตายเถอะจนต้องให้น้องรหัสเข้าให้ ลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไงและน้องก็บอกว่าพี่ยิวค่ะผ่านแล้วค่ะคือจะบอกว่าดีใจหรือโล่งอกดีก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ผ่านแล้วโว้ยหายเหนื่อยไปทันทีกับทุกอย่างที่ผ่านมา
“กรรณิการ์ ศรีวิจา เธอคือ พยาบาลวิชาชีพ”ยินดีด้วย…..โล่งใจร่ายยาวมาตั้งนานกับเส้นทางสีขาว ที่มีทุกวันนี้ได้ เพราะมีหลาย ๆ คนเข้ามาช่วยเหลือทั้งครอบครัว คุณย่าแสนสวย โรงพยาลแต่ละที่ที่รักษาตัว บุคคลที่ให้การรักษาไม่ว่าจะด้วยวิชาชีพอะไรรวมทั้งคนใกล้ตัวและไกลตัว (ต้องขอโทษที่เขียนขอบคุณรวบๆ เพราะอยากจะบอกอะไรบางอย่าง)ใช่ความสำเร็จที่ได้มาต้องมาจากหลายส่วนไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียว ต้องมีความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นแน่นอน
ยิวไม่สามารถเรียบเรียงลำดับได้ว่าใครสำคัญมากกว่าใครในชีวิตแต่ยิวต้องขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่ทำให้ยิวมีวันนี้ได้ หนึ่งคนก็คือแม่จากฟ้าที่ประทานโอกาสให้กลับมาเดินบนเส้นทางนี้ได้อีกหนึ่งคนก็คือย่าที่อยู่เฝ้าตลอด และฝ่าฝันทุกอุปสรรคมาด้วยกันตลอดกลับมาพูดกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าต้นเรื่องที่ได้มาทุกอย่างมาจากใครและสุดท้ายก็ได้คำตอบว่า ก็ตัวเธอเองไงยิวถ้าเธอไม่ตัดสินใจลงมือทำทุกอย่างที่ผ่านมา ก็คงไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเธอโอกาส ไม่ได้มาจากใคร แต่โอกาสมันมาจากตัวเราเองเพราะถ้าเราต้องการโอกาส เราก็ควรจะให้โอกาสกับตัวเราเองบนเส้นทางที่เราเดินมันไม่ได้เหมือนกันทุกคนหรอกบางคนต้องล้มก่อนแล้วถึงจะลุกมาประสบความสำเร็จได้[ads3]
หนึ่งเรื่องของความจริงชีวิต ที่เค้าชอบพูดกันว่าฟ้าหลังย่อมสดใสเสมอมันคือเรื่องจริงค่ะ “ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ”
advertisement
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต
advertisement
เก่งจริงๆ[ads3]
advertisement
อ่านแล้วต้องยอมรับว่าเธอแกร่งๆจริงๆนะคะทุกคนถ้ามีความมมุ่งมั่นยังไงก็สำเร็จสู้ๆนะคะสำหรับคนที่กำลังท้อ
ขอขอบคุณที่มาจาก: บันทึกจากวีลแชร์