ทำความรู้จัก โรคแพนิก หนึ่งอาการซึมเศร้าที่ โอ๊ต ปราโมทย์ เป็นอยู่
advertisement
หลายคนรู้จักหนุ่ม โอ๊ต ปราโมทย์ ในฐานะนักร้องหนุ่มเสียงดี ที่มักจะเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนข้างๆ อยู่เสมอ แต่หนุ่ม โอ๊ต ปราโมทย์ นั้นป่วยเป็นโรคแพนิก : Panic Disorder ที่มีอาการซึมเศร้า ต้องกินยาอยู่เสมอ โดยทางเพจ ตุ๊ดส์review ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า
advertisement
ทำความรู้จัก โรคแพนิก : Panic Disorder จากนักร้องอารมณ์ดี โอ๊ต ปราโมทย์
ล่าสุดนักร้องอารมณ์ดี โอ๊ต ปราโมทย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตนไม่พร้อมมีแฟน และได้ปฏิเสธ คุณแตงโม นิดา ที่มาขายขนมจีบให้เขา แต่สิ่งที่ผมว่าน่าสนใจคือ "เรื่องโรคภัยไข้เจ็บของคุณโอ๊ต" ที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า…
"ตั้งแต่ช่วงโควิดมาก็ไม่ได้หยุด พอปลดล็อกดาวน์ก็ทำงานไม่ได้หยุดเลย ตอนนี้เป็นโรคแพนิก ซึมเศร้าหนักมาก ต้องกินยา เพราะแบกความรับผิดชอบหลายอย่าง มีอาการหายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็ว มือเท้าชา อึดอัดอยู่ในที่ที่หนึ่งไม่ได้ เป็นแบบนี้ วันละ 2 ครั้ง ส่งผลต่อเนื่องทำให้เป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ร้องไห้ทุกวัน
คิดว่าเป็นเพราะไม่มีแฟน ไม่มีคนข้างๆ ให้ระบาย และการชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ก็เตรียมเข้าพบคุณหมอ คอยเช็คอัพร่างกาย เราเล็งซื้อน้องหมามาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนด้วย ส่วนตัวไม่ได้อยากออกมาพูด เพื่อเรียกร้องความสนใจ เพราะเป็นโรคที่ต้องรักษาเยียวยาตัวเอง แค่อยากบอกให้เพื่อนๆ คนที่อยู่รอบตัว พนักงานในบริษัทรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงในการนำสิ่งที่อาจกระทบต่อจิตใจเข้ามาทำให้รู้สึกดาวน์ เราก็พยายามดูแลตัวเอง แฟนๆ ไม่ต้องเป็นห่วง แค่มอบความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันก็พอแล้ว"
advertisement
จากเรื่องนี้ มันให้ข้อคิดเราได้ว่า…
"คนที่เรามองเห็นว่าดูเหมือนอารมณ์ดีเบิกบานอยู่ตลอดเวลา บางทีเราอาจจะไม่รู้เลยว่าข้างใน แท้ที่จริงแล้ว…เขาเผชิญหน้าอยู่กับอะไรบ้างในชีวิต และทุกข์ทรมานขนาดไหน"
มาทำความรู้จัก “ #โรคแพนิค ” โรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ข้อมูลดีๆจากกรมสุขภาพจิต
โรคแพนิค (Panic Disorder) คือภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งถือเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง โดยเป็นโรคที่มีคนเป็นกันมากและเป็นกันมานานแล้ว แต่ประชาชนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก เนื่องจากยังไม่มีชื่อโรคในภาษาไทย อาการของผู้ป่วยโรคแพนิค
advertisement
1. จะรู้สึกใจสั่นหัวใจเต้นแรง อึดอัด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน หรือหายไม่เต็มอิ่ม
2. ขาสั่น มือสั่น มือเย็น บางคนจะมีอาการวิงเวียนหรือมึนศีรษะท้องไส้ปั่นป่วน [ads]
3. ขณะมีอาการผู้ป่วยมักจะรู้สึกกลัวด้วย โดยที่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะกลัวว่าตัวเองกำลังจะตาย กลัวเป็นโรคหัวใจ บางคนกลัวว่าตนกำลังจะเสียสติ หรือเป็นบ้า
4. หลังจากอาการแพนิคหาย ผู้ป่วยมักจะเพลียและในช่วงที่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยมักจะกังวลกลัวว่าจะเป็นอีก
advertisement
อาการแพนิคจะเกิดที่ไหนเมื่อไรก็ได้และคาดเดาได้ยาก แต่ผู้ป่วยมักพยายามสังเกตุและเชื่อมโยงหาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เพื่อที่ตนจะได้หลีกเลี่ยงและรู้สึกว่าสามารถควบคุมมันได้บ้าง โดยขณะเกิดอาการผู้ป่วยมักกลัวและรีบไปโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินมักตรวจไม่พบความผิดปกติ และมักได้รับการสรุปว่าเป็นอาการเครียดหรือคิดมาก ซึ่งผู้ป่วยก็มักยอมรับไม่ได้และปฏิเสธว่าไม่ได้เครียด
🙁 สาเหตุของการเกิดโรคแพนิค 🙁
1. เกิดจากปัจจัยทางด้านร่างกาย เช่น สมองมีปัญหาในการทำงานส่วนควบคุมความกลัว หรือความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน ความเจ็บป่วยโรคทางกาย สารเสพติด และกรรมพันธุ์
2. เกิดจากการเผชิญความวิตกกังวล ในชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง เช่น ประสบอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ ถูกข่มขืน หย่าร้าง อกหัก ตกงาน หรือมีประวัติได้รับความกระทบเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง
advertisement
🙁 วิธีการรักษาโรคแพนิค 🙁
1. รักษาด้วยยาแก้เป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็ว ใช้ได้ทันทีเมื่อเกิดอาการ โดยเป็นยาที่คนทั่วไปรู้จักกันในนามของยากล่อมประสาท
2. รักษาด้วยยาป้องกัน ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ช้า ปรับยาครั้งหนึ่งต้องรอ 2-3 สัปดาห์จึงจะเห็นผล เมื่อยาออกฤทธิ์เต็มที่ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแพนิคเกิดขึ้นเลย
3. รักษาทางใจ ด้วยการให้ความรู้และทำบำบัดควบคู่ เพื่อการปรับแนวคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วยต่อโรคแพนิค
🙁 วิธีรับมือกับโรคแพนิค 🙁
1. ให้กำลังใจพูดคุยกับตัวเองในแง่ดี บอกตัวเองให้รู้สึกสงบสุขและมั่นใจเข้าไว้
2. หมั่นบันทึกและเขียนสิ่งต่างๆ เพื่อรู้เท่าทันความคิดและความรู้สึกของตนเอง
3. ฝึกสมาธิและผ่อนคลาย เช่น ยืดเหยียดร่างกาย หรือหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ
4. ดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
5. งดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
6. เมื่อเกิดอาการควรพยายามตั้งสติ และพุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย รวมทั้งหายใจให้ช้าลง เนื่องจากการหายใจเร็วจะทำให้อาการแพนิคกำเริบมากขึ้น
advertisement
"คนที่หัวเราะอยู่ข้างนอก ข้างในเขาอาจจะร้องไห้อยู่ก็ได้"
เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ประมาทไม่ได้จริงๆ ใครที่รู้ตัวว่าสุขภาพจิตของตนเองกำลังมีอาการที่เรารู้สึกแปลกๆไปกับตัวเองข้างใน อย่ามองข้ามมันไป #อย่าไปคิดว่าตัวเองเป็นบ้า คุณรีบไปพบจิตแพทย์ เพื่อปรึกษา ถ้าใช่ ถ้ารู้เร็ว จะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที ไม่มีใครควรเป็นบ้าไปจริงๆ เพียงเพราะคิดว่าตนเองเป็นบ้า แล้วกลัวการรับรู้ความจริงโดยปฏิเสธการไปพบแพทย์นะครับ… การรู้เท่าทันอาการของตนเอง และรีบรักษาจึงเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด ท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้คุณโอ๊ต มีอาการที่ดีวันดีคืน และหายจากอาการป่วยโดยไว และกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้งครับ
ซึ่งจากเรื่องราวนี้ ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งความรู้ สำหรับหลายๆท่าน หากรู้ตัวเองว่ามีอาการซึมเศร้า ควรรีบไปหาหมอ และขอคำปรึกษา แม้ว่าคนที่เราเห็นเขาเป็นคนอารมณ์ดี มีแต่เสียงหัวเราะแต่จริงๆ แล้วภายในเขาอาจจะตรงกันข้ามเลยก็ได้
ขอขอบคุณที่มาจาก : ตุ๊ดส์review