ทำไมเงินโบนัส ต้องแบ่งให้กับญาติพี่น้องด้วย

ในช่วงเทศกาลปีใหม่หลายคนอาจจะได้โบนัส บางคนอาจจะไม่ได้ กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที เมื่อคนในครอบครัวรู้ได้รับเงินโบนัส บอกต้องแบ่งให้กับญาติพี่น้อง เงินที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง จะให้หรือไม่ให้ใคร เป็นสิทธิของเรา โดยสมาชิกพันทิปรายหนึ่งได้ออกมาตั้งกระทู้คำถามเล่าว่า.."เงินโบนัส = แบ่งให้กับญาติพี่น้องหรอคะ"
สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะเล่าเรื่อง "เงินโบนัส" ของมนุษย์เงินเดือนที่ได้รับช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยเราได้เป็นเงินก้อนหนึ่ง ซึ่งประมาณค่าได้เกือบๆแสนบาท เราตั้งใจแบ่งส่วนแบ่งนี้คือ
- ใช้หนี้ที่มีอยู่ปัจจุบัน
- แบ่งให้พ่อ แม่และย่า
- ซื้อของที่อยากได้
- เก็บเงินไว้เป็นเงินเก็บส่วนตัว
แต่เมื่อได้เงินนั้นมาแล้ว เราก็แบ่งตามที่แจ้งไปเบื้องต้น แต่ลักษณะญาติกาฝากก็เข้ามาทันที เมื่อแม่เราไปบอกป้าว่าได้เงินโบนัส XXXX บาท ซึ่งแม่บอกว่าให้ป้าด้วย แต่เนื่องด้วย ป้าไม่เคยให้อะไรเราหรือทำให้เรารู้สึกว่าคือญาติ แต่ไม่ใช่บุคคลที่สนิทมาก และไม่ถึงขั้นว่าช่วยส่งเสียการเรียน การทำงานให้เราแม้แต่บาทเดียว นอกจากชอบมาขอหยิบยืมแม่เราเป็นประจำ รวมถึงญาติคนอื่นๆด้วย ซึ่งก็เอ่ยปากขอเงินเราที่ได้รับมา
เมื่อป้าและญาติพี่น้องได้ขอเงินส่วนนี้ เราจึงต้องบอกไปว่า "ไม่มีเงินแล้ว" "เก็บฝากเงินนั้นไปหมดแล้ว" แต่ใช่ว่าจะจบ กลับมาขออย่างนั้น จนญาติคนอื่นๆเขาเห็น และได้ว่าป้าเราไปว่า "ทำไมต้องไปขอเงินเขา เขามีเงินก็ปล่อยให้เขาเก็บไป ให้ไม่ให้ก็เรื่องของเขา" ซึ่งป้าก็ยังขอแบบนี้ จนเราเดินหนี และพอเจอเราก็บอกว่า "เอาเงินมาสิ"
ตอนนี้เรารู้สึกเงินโบนัสที่ทำงานทั้งปีคือเงินของเรา การให้เงินบุคคลใดที่เป็นเงินโบนัสหรือเงิน เนื่องในโอกาสพิเศษใดๆมันคือความพึงพอใจและความปราถรนา มากกว่าการให้เพราะอยู่ในโครงสร้างสถานะญาติ พี่น้องที่ต้องให้ทุกคน ซึ่งส่วนนี้เราไม่เห็นด้วยที่จะให้ เพราะทุกคนเขาจะมองเห็นคุณค่าเราเฉพาะเงินเท่านั้น ไม่มีเงินก็มาขอ มายืมหรือให้เลี้ยงข้าว จนมันเคยตัว และยิ่งถ้ามาขอยืมเงินก็ยิ่งได้คืนยาก เมื่อบุคคลนั้นคือญาติตัวเอง
ทั้งนี้ เราอยากจะรู้ว่าท่านอื่นๆ จัดการอย่างไรบ้างคะ สำหรับเงินโบนัสที่ได้หรือเงินอื่นๆ แบ่งญาติพี่น้องไหมคะ หรือจัดการกับญาติกาฝากแบบนี้อย่างไรดีคะ
ความคิดเห็นชาวเน็ต
เก็บเงินไว้เป็นเงินเก็บส่วนตัว
สิทธิของเรา
อย่างไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับความพอใจของเราว่าจะให้หรือไม่ให้ไม่จำเป็นต้องแจงเหตุผล ขณะเดียวกันชาวเน็ตแนะ "มีครั้งแรกอาจจะมีครั้งต่อ ๆ ไป ยืนหยัดความคิดของคุณไว้ ควรบอกแม่ด้วยว่าเรื่องนี้คราวหน้าอย่าบอกใครหนูเดือดร้อน" ชาวเน็ตกล่าวฯ
เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com ขอขอบคุณที่มา : สมาชิกหมายเลข 787339