ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี..แค่ทำตามสูตรนี้ ก็สุขภาพดีได้ ไม่ป่วย ไม่โทรม แถมได้หุ่นเพรียวสวย!!
advertisement
สาวๆ อยากจะผอม หุ่นสวย ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ มีวิธีการอย่างไรบ้างคะ อดอาหาร? ยาลดความอ้วน? ยาระบาย? ยาที่ช่วยในการเผาผลาญ? หรือกาแฟ? วิธีการเหล่านี้อาจจะได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่เป็นแค่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นนะคะ เพราะเมื่อร่างกายปรับสภาพได้ก็จะกลับมาอ้วนอีก แถมยังส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ เป็นสาเหตุของโรค เช่นโรคกะเพราะ กรดไหลย้อน ที่สำคัญคือจะทำให้ดูโทรม ไม่สดชื่นได้เท่าที่ควร ดังนั้นสาวๆ อยากลดน้ำหนัก ต้องคำนึงถึงสุขภาพที่ดีเป็นหลักที่สำคัญนะคะ วันนี้ Kaijeaw.com เข้าใจสาวๆ มีเคล็ดลับที่ช่วยในการลดน้ำหนัก..แบบสุขภาพดี ไม่ป่วย ไม่โทรม!! มาฝาก สาวๆ ไม่พลาดนะ
advertisement
ภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน
สามารถตรวจสอบให้ผลชัดเจนได้ด้วยวิธีการหาค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) ดังนี้ค่ะ
ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) สองครั้ง
ถ้าหากได้ผลดัชนีมวลกายมากกว่า 23 ถือว่าคุณคือคนที่มีน้ำหนักเกินและควรลดน้ำหนักได้แล้ว และสามารถใช้วิธีการดูที่เส้นรอบเอวของคุณ หากว่ามากกว่า 90 เซนติเมตร (ผู้ชาย) และมากกว่า 80 เซนติเมตร (ผู้หญิง) ก็ควรลดน้ำหนักได้แล้วค่ะ โดยลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่า “อ้วนลงพุง” ซึ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (metabolic syndrome) เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง (บางชนิด) โรคหยุดหายใจขณะหลับ และอื่นๆ อีกมากมาย [ads]
advertisement
1. การควบคุมอาหารอย่างได้ผล
ควบคุมอาหาร ตามความต้องการพลังงานของแต่ละบุคคลในชีวิตประจำวันเป็นปริมาณเท่าไร ซึ่งวิธีคิดคำนวนง่ายๆ ก็คือ นำน้ำหนักคูณด้วย 30 (ถ้าคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใช้น้ำหนักตัวคูณด้วย 35) ค่าที่ได้คือ ปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการใช้ในแต่ละวัน ซึ่งมีหน่วยเป็นกิโลแคลอรี ร่างกายใช้พลังงานนี้เพื่อให้อวัยวะภายในต่างๆ ทำงาน และใช้ไปในกิจกรรมประจำวันทุกอย่าง ไม่ว่าจะการหายใจ การยืน เดิน หรือวิ่ง เป็นต้น
2. ไม่อดอาหาร
จำไว้ว่าร่างกายของเรามีระบบการควบคุมการใช้พลังงานที่ฉลาดมาก (มากกว่าที่เราคิด) ดังนั้นการติดลบพลังงานโดยการอดอาหารไปเรื่อยๆ จะส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงแรกเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นร่างกายจะลดระดับการใช้พลังงานลง เหมือนกับที่คอมพิวเตอร์เข้าสู่โหมดที่ลดการใช้พลังงานในเวลาที่ต้องประหยัดหรือเมื่อมีพลังงานจำกัด ทำให้ส่วนต่างของพลังงานที่ติดลบหรือขาดทุนอยู่ลดลงตามไปด้วย จนกระทั่งระดับการใช้พลังงานเท่ากับพลังงานที่ได้รับจากอาหาร น้ำหนักตัวก็จะคงที่
3. ห้ามงดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นพลังงานที่สำคัญของสมอง
การงดคาร์โบไฮเดรต ส่งผลเสียต่อสมอง เพราะเป็นแหล่งพลังงาน (จำไว้ว่าสมองต้องการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเท่านั้น) การงดคาร์โบไฮเดรตมีผลให้ลดประสิทธิภาพการทำงานของสมอง อีกทั้งเป็นการบีบบังคับให้สมองใช้พลังงานจากสารอาหารให้พลังงานอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ทำร้ายเซลล์สมองได้
4. ทานให้น้อย ใช้พลังงานให้มาก
รับประทานอาหารให้ได้พลังงานน้อยกว่าที่ร่างกายต้องใช้ หรือที่เรียกว่าการติดลบพลังงาน (Negative Energy Balance) โดยหากรับประทานอาหารที่ให้พลังงานน้อยกว่าความต้องการใช้ของร่างกายครบ 7,000 กิโลแคลอรี น้ำหนักตัวก็จะลดลง 1 กิโลกรัม หลักการลดน้ำหนักก็เป็นแบบนี้
5. ลดพลังงานในมื้อเย็นลง
การรับประทานอาหารให้ทานอาหารปกติเหมือนเดิม แต่ลดปริมาณอาหารเย็นในส่วนของคาร์โบไฮเดรตลงให้มากเท่าที่ทำได้ และพยายามกินข้าวขัดสีน้อย หรือขนมปังโฮลวีตที่มีเส้นใยเยอะแทน คำนึงถึงสัดส่วนกับปริมาณพลังงานที่ใช้ไป ถ้าทานให้น้อยกว่าก็จะผอมเร็ว แต่ต้องทานอาหารให้หลากหลาย
advertisement
6. อย่าใส่น้ำตาลลงในเครื่องดื่ม
โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ดื่มเป็นประจำ เช่นกาแฟหรือชา อย่าใส่น้ำตาลเยอะ ใครที่ชอบกินหวาน ให้ลดน้ำตาลลง นอกจากให้พลังงานสูงมากๆ แล้ว ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานด้วย โดยปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสม ผู้หญิงจะอยู่ที่ 6 ช้อนชา ผู้ชาย 9 ช้อนชา แต่เราก็มักได้รับน้ำตาลจากอาหารต่างๆ อยู่แล้วด้วย ดังนั้นเวลาสั่งเครื่องดื่มสั่งแบบหวานน้อยเป็นทางออกที่ดีค่ะ
7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายให้ได้วันละ 30 นาที – 1ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เท่าที่ทำได้ โดยเลือกให้มีความหลากหลาย ไม่ออกกำลังประเภทใดประเภทหนึ่งตลอดเวลาจะเป็นการซ้ำซากจำเจ ร่ายกายจะปรับระบบเผาผลาญให้คงที่ และไม่มีการพัฒนาศักยภาพที่ดี [ads]
8. เปลี่ยนมารับประทานธัญพืชให้มากขึ้น
ธัญพืชต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว หรือถั่วชนิดต่างๆ ที่ผ่านขัดสีแล้ว สารอาหารส่วนใหญ่จะถูกขจัดออกไปในกระบวนการผลิต จนทำให้เหลือแต่แป้ง ไม่มีสารอาหารหรือแม้แต่ใยอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย และถึงแม้จะมีแต่ก็น้อยมาก ส่งผลให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็จะทำให้อ้วนได้ง่าย แต่บรรดาข้าวและธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีจนขาว จะได้รับสารอาหารที่มากกว่าและใยอาหารที่อยู่ในข้าวและธัญพืชเหล่านี้ยังช่วยในการขับถ่ายอีก
9. ลดไขมันแต่ห้ามขาด
ถึงแม้ไขมันจะเป็นสาเหตุของความอ้วน แต่ร่างกายของเราก็ไม่สามารถขาดไขมันได้ เพราะร่างกายของเราต้องการไขมันในการช่วยดูดซับวิตามินบางชนิดอย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มอีกด้วย ดังนั้นหากอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ควรจะลดไขมันที่มาจากสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเนยหรือน้ำมัน และเปลี่ยนมารับประทานน้ำมันที่มาจากพืช เช่น น้ำมันมะกอก และถั่วหรือเมล็ดพืชต่างๆ อาหารเหล่านี้จะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนที่มีประโยชน์กับร่างกาย
10. นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับเปรียบเสมือนกับสารอาหารของสมอง โดยคนเราจะต้องนอนหลับอย่างน้อย 7 – 9 ชั่วโมงถึงจะถือว่าเพียงพอ การพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลหยั่งลึกไปถึงสุขภาพมากกว่าที่คุณจะคาดคิดได้ การนอนหลับไม่เพียงพอนั้นจะส่งผลกระทบถึงอารมณ์ ความคิด น้ำหนัก และสุขภาพโดยรวม แถมการนอนหลับไม่เพียงพอยังจะทำให้คุณหิวแม้ว่าคุณจะรับประทานเข้าไปจนอิ่มแล้วก็ตาม รู้แบบนี้แล้วต้องนอนให้พอนะคะ จะได้ไม่อ้วน
จะเห็นได้ว่าการลดน้ำหนักที่ถูกวิธี ก็คือการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายค่ะ และไม่ลืมที่จะดูแลสุขภาพอยู่เสมอ ทั้งการพักผ่อนที่เพียงพอ และไม่เครียด ไม่หักโหมด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนลดความอ้วนได้สำเร็จ มีหุ่นสวยได้สัดส่วน และสุขภาพที่ดีสมบูรณ์ในทุกๆ วันค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com