ลูกน้อยนอนยาก..รับมืออย่างไร?
advertisement
สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกที่ยังเล็กอยู่ เชื่อว่าหลายคนต้องพบเจอปัญหาเกี่ยวกับการนอนของลูกน้อยแทบทั้งนั้น อย่างเช่น ลูกนอนไม่เป็นเวลา ลูกชอบตื่นกลางดึก ลูกตื่นนอนบ่อยๆ หรือลูกนอนไม่ค่อยหลับ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะทำให้ลูกไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เท่าที่ควร เพราะหากลูกนอนไม่เพียงพอจะเป็นผลร้ายทั้งต่อพัฒนาการในทุกด้าน สมองและการเรียนรู้ไม่สามารถเปิดรับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งอารมณ์ไม่ดีหงุดหงิดง่าย กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห และรวมถึงการมีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ โรคภัยอื่นๆ เกิดขึ้นตามมาได้ง่าย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่มีปัญหาลูกน้อยนอนยาก ตามมาดูวิธีการรับมืออย่างที่ Kaijeaw.com มีมาแนะนำกันดีกว่าค่ะ
advertisement
ผลกระทบต่อลูกเมื่อนอนหลับพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ
1. การเจริญเติบโตและการพัฒนาของเด็กไม่สมบูรณ์ เพราะฮอร์โมนจะถูกปล่อยออกมาช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของร่างกายของลูก และยังช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและช่วยในการซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อมในช่วงเวลาที่ลูกนอนหลับสนิท (ลึก) ช่วงเวลาที่นอนได้อย่างเพียงพอเท่านั้น
2. เสี่ยงต่อการป่วย การนอนหลับจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กคงอยู่ในสภาพที่ดี ตรงกันข้ามหากว่าลูกนอนหลับไม่เพียงพอ จะมีผลกระทบในเชิงลบกับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
3. เสี่ยงต่อโรคร้ายในระยะยาว นอกจากว่าการนอนของเด็กจะเป็นช่วงเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่มีการซ่อมแซมหัวใจและหลอดเลือดของเด็ก ดังนั้นการนอนหลับไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคไตความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานเมื่อเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่[ads]
4. เสี่ยงโรคอ้วน เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมนที่ทำให้เขารู้สึกหิว (ghrelin) หรืออิ่ม (leptin) เมื่อเด็กนอนหลับไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้เขารู้สึกหิวมากกว่าตอนที่เขาได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ และนี่อาจนำไปสู่ปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องอาหารในอนาคต เช่นโรคอ้วนได้
advertisement
สาเหตุที่ลูกนอนไม่หลับ
1. อาการป่วย อย่างเช่น เป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดท้อง ปวดฟัน ซึ่งในวัยเด็กเล็กนั้น เมื่อเวลาที่เด็กไม่สบายหรือเกิดความผิดปกติของร่างกาย เขาจะไม่สามารถอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ทราบได้ถึงอาการผิดปกติต่างๆ นั้น ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นคอยสังเกตความผิดปกติของลูกอยู่เสมอเมื่อพบว่าลูกไม่สบายจะได้รักษาอาการได้ทันท่วงที
2. สิ่งแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมการนอนหลับ อย่างเช่น เสียงอึกทึกตลอดเวลา อยู่ในที่แออัด มีอากาศร้อนหรือหนาวมากเกินไป หรือเด็กนอนห้องเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุเสียงดังในเวลากลางคืน ซึ่งปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงที่ทำให้ลูกเกิดปัญหาการนอนไม่หลับได้
3. เด็กนอนกลางวันมากเกินไป แม้การนอนกลางวันของเด็กเล็กจะเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการของลูก แต่หากว่าเด็กนอนกลางวันมากเกินไป จะส่งผลให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืนซึ่งถือเป็นเวลาพักผ่อนอย่างแท้จริง
4. ขาดการออกกำลังกาย การที่เด็กไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมากเท่าที่ตามวัยเด็กควรจะเป็นนั้น จะส่งผลทำให้เด็กหลับยาก เพราะร่างกายของเขาไม่รู้สึกเหนื่อย จึงทำให้ไม่อยากนอนหลับพักผ่อนนั่นเอง[ads2]
advertisement
เคล็ดลับวิธีที่ทำให้ลูกนอนหลับได้ง่ายและสบายขึ้น
1. ให้ลูกได้ทานนมแม่ก่อนนอน เพราะนมแม่มีสารอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารหลัก เช่น คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน รวมทั้ง “แอลฟา-แล็คตัลบูมิน” ซึ่งเป็นเวย์โปรตีนในน้ำนมแม่ที่ให้กรดอะมิโนจำเป็น ชื่อ “ทริปโตเฟน” ช่วยสร้างสารเซโรโทนิน ซึ่งมีส่วนช่วยในควบคุมการนอนหลับ โดยร่นระยะเวลานอนให้หลับได้เร็วขึ้นได้
2. สร้างบรรยากาศในการนอนหลับที่ดี เพราะเรื่องของสภาพแวดล้อมการนอนหลับของเด็กก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึง เช่นรักษาอุณภูมิห้องนอน ให้เย็นสบาย เงียบสงบ และมืด ก็จะช่วยให้เด็กๆ นอนหลับได้ง่ายขึ้น
3. สร้างความรู้สึกผ่อนคลายก่อนนอน เช่น การอ่านหนังสือนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง หรือร้องเพลงกล่อมเบาๆ โดยระวังไม่สบตาลูก
4. สร้างวินัยเวลาเข้านอนและเวลาตื่นนอนอย่างเคร่งครัดเป็นกิจวัตรประจำวันทุกๆวัน ไม่เว้นสุดสัปดาห์และวันหยุด
5. จัดสรรเวลานอนกลางวันของเด็กอย่างเหมาะสม โดยปกติเด็กเล็กต้องการนอนหลับในตอนกลางวันประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในขณะที่ต้องการการนอนตอนกลางคืนมากกว่าคือประมาณ 11-12 ชั่วโมง และควรเว้นช่วงเวลานอนให้ห่างกันพอสมควรเช่น ถ้าการนอนตอนบ่ายค่อนไปตอนเย็นก็ให้เลื่อนเวลามานอนตอนสายๆ แทน
6. ก่อนเข้านอนจัดการธุระของลูกให้เรียบร้อย พาไปเข้าห้องน้ำ แปรงฟันหรือขับถ่ายให้เสร็จ โดยให้ลูกเข้าห้องน้ำตอนกลางวันอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อกลางคืนลูกจะได้ไม่ตื่นเข้าห้องน้ำบ่อยๆ และต้องแน่ใจว่าลูกไม่อิ่ม หิว หนาวหรือร้อนเกินไป
7. บอกลูกให้รู้เวลานอน ควรบอกลูกล่วงหน้าก่อนพาเข้านอน เพื่อเป็นการเตือนว่า ใกล้จะถึงเวลานอนของหนูแล้วนะ แม่ให้เวลาอีกแป๊ปเดียว โดยเฉพาะเวลาที่ลูกติดเล่นควรบอกลูก และบอกให้เก็บของเล่นได้แล้วนะคะ การบอกล่วงหน้าเพื่อเป็นการให้ลูกได้เตรียมใจ และไม่รู้สึกว่าถูกบังคับหรือถูกพรากไปจากของที่แกเล่นอยู่
advertisement
8. ผ่อนคลายก่อนเข้านอน หากลูกรู้สึกเครียดไม่ยอมนอนง่ายๆ ลองใช้ตัวช่วยอย่างเช่น ตุ๊กตาตัวโปรด จุกนมหลอกสามารถทำให้ลูกผ่อนคลายและเผลอหลับไปเองได้ค่ะ โดยไม่ต้องกลัวลูกจะติด เดี๋ยวถึงวัยที่เหมาะสมก็จะเลิกได้เอง หรือการนวดสัมผัสก่อนนอน การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ลูกก่อนนอนก็ทำให้ลูกหลับยาวถึงเช้าได้[ads3]
9. ลดเฉอะแฉะจากผ้าอ้อม นอกจากก่อนเข้านอนจะต้องพาลูกไปขัยถ่ายให้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกบ่อยๆ หรือเลือกใช้ผ้าอ้อมที่มีการซึมซับได้นานจะช่วยให้ลูกรู้สึกสบายตัวไม่เฉอะแฉะ ทำให้ลูกนอนหลับได้ยาวขึ้นค่ะ
10. ถ้าลูกกลัวต้องปลอบโยนและช่วยเหลือลูก เช่น ถ้ากลัวความมืดก็เปิดไฟสลัวๆ ทิ้งไว้ และควรพูดให้ความมั่นใจว่าพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ ถ้าหนูกลัวก็เรียกได้พ่อแม่ได้ยินเสียงจะรีบเข้ามาหาทันที แต่ถ้าลูกยังกลัวอยู่ คุณก็คงต้องนอนกับลูกไปสักระยะหนึ่ง 3-4 วันผ่านไปเมื่อแกเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากลัว ลูกก็จะกล้านอนหลับได้เองในที่สุด
เนื่องจาก “การนอนหลับ” อย่างเพียงพอ จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทั้งทางสมองและร่างกายของลูกน้อย เพราะในช่วงที่ร่างกายมีการหลับลึก จะสร้างฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นส่วนต่างๆ ของสมองในการเรียนรู้ จดจำ เรียบเรียงความคิด และมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว อันเป็นรากฐานสำคัญของพัฒนาการที่ดี ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่มีปัญหานี้อยู่จะละเลยไม่ได้แล้วนะคะ หากว่าอยากให้ลูกของคุณมีสุขภาพและพัฒนาการที่ดีในคราวเดียวกัน อย่าลืมนำเคล็ดลับที่เราบอกไปใช้ ได้ผลดีอย่างไรอย่าลืมมาบอกให้เรารู้ด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com