อยากฟันขาว..ต้องเลี่ยงให้ไกลอาหารเหล่านี้!!

          ถ้าฟันของคุณหมดความขาวสดใส รู้หรือเปล่าว่าคุณต้องหันมาใส่ใจกับเรื่องการรับประทานอาหารแล้วหล่ะค่ะ เพราะอาหารบางอย่างทำให้ฟันเหลือง และสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันเป็นคราบได้แก่กรด และโครโมเจน ซึ่งเป็นสารที่มีสี

          อาหารต่อไปนี้ประกอบด้วยสารที่ทำให้ฟันเป็นคราบ ซึ่งเป็นอาหารที่เราทานกันเป็นประจำทุกวัน แต่ก็มีทางแก้ง่ายๆ ที่ช่วยลดโอกาสที่ทำให้ฟันเป็นคราบ ส่วนใครอยากรู้ว่าหนึ่งในอาหารที่ทำให้ฟันเหลืองมีของโปรดของคุณอยู่ด้วยหรือเปล่า ตามไข่เจียวมาดูเลยค่ะ     
 

1. ไวน์แดงและไวน์ขาว 

         ผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่น องุ่น บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ และทับทิม มีโอกาสสูงที่จะทำให้ฟันเป็นคราบ น้ำผลไม้ที่ทำจากผลไม้ดังกล่าวก็มีส่วนทำให้ฟันเป็นคราบและฟันเหลืองเช่นกัน ขอให้ระมัดระวังการดื่มไวน์แดงโดยเฉพาะ โมเลกุลของสารสีที่เรียกว่าแทนนิน ประกอบกับโครโมเจน และกรดในระดับที่สูง จึงชี้ชัดว่าไวน์แดงทำให้ฟันเป็นคราบ ดังนั้นถ้าไม่อยากฟันเหลือง หลังจากดื่มไวน์ก็อย่าลืมดื่มน้ำตามเข้าไปสักแก้ว 

 2. กาแฟ 

         ผู้ที่ดื่มกาแฟทุกวันจะสังเกตเห็นว่า นานไปฟันจะออกสีเหลือง เนื่องจากเคลือบฟันกร่อน และกาแฟที่ดื่มเข้าไปจะจับส่วนที่สึกกร่อน จึงทำให้ฟันเหลืองไม่น่ามอง ทางแก้ก็ไม่ยาก แค่เพียงเติมนมลงไปในกาแฟเสียหน่อยให้สีอ่อนลงก็สามารถช่วยได้

[ads]

3. ชา 

         ทันตแพทย์ลงความเห็นว่าถึงแม้ชาจะมีคุณประโยชน์นานัปการต่อสุขภาพ ทว่าทำให้เกิดคราบฟันมากยิ่งกว่ากาแฟ นอกจากนี้ ทั้งชาและกาแฟมีกรดสูง จึงเป็นสาเหตุให้เคลือบฟันสึกกร่อน ซึ่งเปิดช่องทางให้ฟันเหลืองง่ายขึ้น นี่คือวัฏจักรที่คนรักคาเฟอีนหนีไม่พ้น ฉะนั้นถ้าไม่อยากฟันเหลืองเพราะชาก็ควรจะลดปริมาณความเข้มข้นลงดีกว่า­­­ค่ะ 

 4. น้ำส้มสายชูบัลซามิก 

         หลายๆ คนคงจะใช้น้ำส้มสายชูเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารเสียส่วนใหญ่ แต่น้ำส้มสายชูนี่ล่ะที่จะทำให้ฟันของคุณเหลืองได้ เพราะน้ำส้มสายชูเป็นตัวการกัดกร่อนฟันและทำให้­ฟันเหลืองเลยล่ะ การรับประทานบ่อย ๆ จะทำให้ฟันเหลืองได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้ารับประทานเจ้าน้ำส้มชนิดนี้กับสลัดหรือผักโขมละก็ จะทำให้การเป็นกรดของน้ำส้มสายชูลดลงค่ะ 

5. ผงกะหรี่ 

          เครื่องเทศชนิดนี้ที่มีสีเหลืองเข้ม สามารถทำให้ฟันของคุณเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าคุณไม่รับประทานเจ้าเครื่องเทศชนิดนี้บ่อย ๆ ก็วางใจได้ค่ะ แต่ถ้าคุณกลัวว่าการรับประทานผงกะหรี่ของคุณในคราวหน้าอาจจะทำใ­­­ห้ฟันเหลืองได้ ก็ลองเติมผักโขมลงไปในอาหารที่มีผงกะหรี่ด้วยก็ดีนะคะ เพราะผักโขมจะช่วยป้องกันไม่ให้เคลือบฟันของคุณถูกจู่โจมด้วยสี­­­เหลืองจากผงกะหรี่ค่ะ 

6. ซอสมะเขือเทศ 

         แม้ว่ามะเขือเทศจะช่วยให้ผิวพรรณสดใสและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ซอสมะเขือเทศก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเท่ากับมะเขือเทศ อีกทั้งในซอสมะเขือเทศยังมีกรดที่ทำให้ฟันเหลืองอีกด้วย สำหรับหลาย ๆ คน ซอสมะเขือเทศอาจจะเป็นซอสชนิดโปรดที่นำมาใส่ในอาหารหรือไว้จิ้มกับของทอดใช่ไหมล่ะคะ แต่รู้หรือเปล่าว่าการรับประทานซอสมะเขือเทศบ่อย ๆ อาจจะทำให้ฟันของคุณเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ เพราะจริง ๆ แล้วในซอสมะเขือเทศก็มีกรดสูงเช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีก็ควรจะหลีกเลี่ยงรับประทานบ่อย ๆ หรือรับประทานคู่กับผักโขมดีกว่านะ 

 7. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี 

          ราสป์เบอร์รี แบลคเบอร์รี และบลูเบอร์รี ล้วนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกา­ย ยกเว้นแต่สีของผลไม้เหล่านี้ที่มีสีเข้มจนอาจจะทำให้ติดฟันได้ ซึ่งจะทำให้ฟันเปลี่ยนเป็นสีไม่น่ามองเท่าไร ดังนั้นถ้าหากคุณชอบรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รีก็อย่าลืมดื่มน้ำตามเข้าไปด้วยหลังจากรับประทานเสร็จ จะได้ช่วยล้างสีจากผลไม้เหล่านี้ออกจากฟัน

 8. น้ำอัดลมและโซดา 

         กรดและโครโมเจนในเครื่องดื่มรสซาบซ่าทำให้ฟันเป็นคราบและหินปูน ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มผสมโซดาที่มีสีเข้ม เช่น รูทเบียร์และโค้ก จะมีโครโมเจนสูงกว่า แต่เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมที่สีอ่อนก็จะทำให้ฟันเป็นคราบเช่นกัน โค้กประกอบด้วยกรดฟอสฟอริก ส่วนเครื่องดื่มผสมโซดารสมะนาวมีกรดซิตริกสูงมาก กรดทั้งสองประเภททำให้เคลือบฟันสึกกร่อน และเป็นเหตุให้ดูดซึมโครโมเจนมากขึ้น  

 9. ซอสถั่วเหลือง

          คุณอาจจะต้อง จำกัดปริมาณของซอสถั่วเหลือง ถ้าคุณต้องการที่จะทำให้ฟันของคุณขาว เพราะในซอสถั่วเหลืองในยุคนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การหมักถั่วเหลือง แต่ยังมีการเติมกรดไฮโดรคลอริก เข้าไปเพื่อทำให้มันเร็วขึ้น และแน่นอน มันมาพร้อมกับการทำร้ายฟันขาวๆของเรา

10. หัวบีท

          บีทรูทจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินต่อร่างกายและผิวพรรณ แต่มันต้องแลกมาด้วยสีแดงเข้มที่จะทำให้เกิดคราบฟันชนิดที่ล้างด้วยน้ำเปล่าอาจไม่พอ ต้องใช้การแปรงฟันหลังทานบีทรูท เพื่อช่วยลดการกัดกร่อนสีฟัน 

          ได้ทราบสาเหตุของฟันเหลืองและวิธีป้องกันแล้ว ใครที่ชอบทานอาหารแบบนี้ก็อย่าลืมนำ­­ไปใช้ล่ะ เพื่อที่จะได้ยิ้มได้กว้าง ๆ อย่างมั่นใจกันมากขึ้นไงละคะ 

เรียบเรียงโดย Kaijeaw.com , ไข่เจียว.com