เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนทาน “เมล็ดเจีย”
advertisement
จากการศึกษาค้นคว้าและงานวิจัยต่างๆ มากมายที่ทำให้เรารู้กันดีว่า "เมล็ดเจีย" นั้นเป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายมากมาย อัดแน่นไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ ไฟเบอร์, กรดไขมันดีชนิดโอเมก้า-3 โอเมก้า-6, แคลเซียม, สารต้านอนุมูลอิสระ,โปรตีน และยังมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้ จึงเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน แต่หลายคนเมื่อกินเมล็ดเจียแล้วกลับเกิดปัญหาได้ คือรู้สึกท้องอืด ถ่ายลำบากกลายเป็นโรคท้องผูกขึ้นมาซะอย่างนั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับประโยชน์ที่ควรได้รับจากเมล็ดเจีย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกินเมล็ดเจียต้องกินให้ถูกวิธีกันหน่อย เพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างที่ควร วันนี้ Kaijeaw.com มีเรื่องที่ต้องรู้ ก่อนทาน "เมล็ดเจีย" มาบอกกันค่ะ
advertisement
คุณค่าทางอาหารของเมล็ดเจีย
– ช่วยในการขับถ่าย ป้องท้องไม่ผูก ลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้
– บำรุงสุขภาพหัวใจแข็งแรง
– ช่วยให้บาดแผลหายเร็ว ไม่ติดเชื้อจากบาดแผลง่ายๆ
– ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานประเภท 2
– บำรุงสมองและความจำ
– บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน
– ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น
– ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้เป็นปกติ
– ช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น พุงไม่ป่อง
– ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น
– ช่วยชะลอวัย ให้ดูอ่อนกว่าวัย (ช่วยให้หน้าเด็ก) [ads]
advertisement
วิธีทานเมล็ดเจีย
เมื่อเริ่มทานนั้น ร่างกายยังไม่ค่อยคุ้นชิน เป็นเหตุให้มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ เช่น เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ปวดมวนท้อง ท้องอืด หรือท้องเสียเอาได้
1. การกินเมล็ดเจียในระยะเริ่มต้น ควรต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการกินเมล็ดเจียประมาณ 2-3 ช้อนชาต่อวันก่อน พอร่างกายทำความรู้จักกับเมล็ดเจียดีแล้ว ก็ค่อยเพิ่มปริมาณการทานเมล็ดเจียให้มากขึ้น ทั้งนี้อัตราส่วนการบริโภคเมล็ดเจียที่ถูกต้องถูกกำหนดไม่ให้เกิน 6 ช้อนโต๊ะต่อวัน
2. ทานแบบเมล็ดแห้ง โรยบนสลัด หรือจะผสมในขนมปังอบ คุ๊กกี้ (ทานเพียงเล็กน้อย ถ้าทานเยอะไปจะท้องอืด)
3. ทานแบบผสมน้ำ ในอัตราส่วนน้ำ 1 แก้ว เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ระยะเวลาอย่างน้อยที่สุดที่ควรแช่เมล็ดเจียอยู่ที่ 10-15 นาที หรือนานกว่านั้นจะดีกว่า โดยสามารถเติมในน้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม น้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ เป็นต้น
4. ทานแบบ Chia Gel (เมล็ดเจียแช่น้ำได้เนื้อข้น) โรยหน้าโยเกิร์ตหรือผสมในสมูทตี้ก็เข้ากันดี
5. ทานเป็นประจำ โดยสามารถทานได้ทั้งวัน ระหว่างมื้อ ก่อนอาหาร หรือทานเป็นมื้อเย็นก็ได้
6. ปริมาณที่ทาน ควรทานวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วงควบคุมน้ำหนักทานได้ถึง 3 ช้อนโต๊ะ (เมล็ดแห้ง)
– สำหรับผู้ใหญ่ ควรบริโภคประมาณ 15 กรัม หรือ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
– สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรบริโภคแบบป่นประมาณ 33-41 กรัม ทุกๆ 3 เดือน
7. ดื่มน้ำให้มากขึ้น เมล็ดเจียมีคุณสมบัติดูดซับของเหลวในร่างกายเรา ฉะนั้นเมื่อคุณเริ่มกินเมล็ดเจียก็จำเป็นต้องดื่มน้ำให้มากขึ้นตามไปด้วย โดยอาจจะดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้ร่วมกันไป แต่พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังและคาเฟอีน เพราะเครื่องดื่มสองชนิดนี้มีคุณสมบัติดูดซับน้ำจากร่างกายเหมือนกัน [yengo]
advertisement
ข้อควรระวัง
1) เมล็ดเจียไม่เหมาะกับบุคคล ดังต่อไปนี้
– ผู้ที่มีปัญหาในระบบกระเพาะอาหารและลำไส้
– ผู้ที่เป็นโรคแพ้โปรตีนในธัญพืช (กลูเตน)
– ผู้ที่ทำศัลยกรรม และประวัติแพ้ยาแอสไพริน
– ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์
2) ผู้ชายควรระวัง หากรับประทานมากเกินไปอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
3) ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
4) ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ เพราะอาจทำให้ช็อกหรือหมดสติไปได้
5) ไม่ควรรับประทานร่วมกับวิตามินบี17 ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจสะสมเป็นสารพิษขึ้นในร่างกาย ก่อเกิดโรคมะเร็งได้
ทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องที่คุณควรจะรู้ก่อนที่จะรับประทานเมล็ดเจีย ดังนั้นหากว่าต้องการทานเมล็ดเจียให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยไม่ต้องกังวลกับอาการท้องผูกและอาการท้องอืดอีกต่อไป ก็ต้องทานอย่างถูกวิธี อีกทั้งก็ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้หลากหลายด้วยนะคะ เพื่อให้ได้มีสุขภาพดีอย่างแท้จริงค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com