แนะวิธีสังเกต คนที่เคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษลิงได้ แผลต้องเป็นยังไง

advertisement
ช่วงนี้โรคฝีดาษลิง นับว่าเป็นโรคที่หลายคนกลัว เนื่องจากว่าประเทศไทยเรามีคนไข้ที่ติดเชื้อแอบลักลอบหนีการรักษา และยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่น่ากังวลอยู่จำนวนมาก ทำให้หลายคนวิตกกังวลอย่างมาก โดยล่าสุดทางเพจ หมอแล็บแพนด้า ได้ออกมาเผยวิธีสังเกตตัวเองว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันกันมาหรือไม่
advertisement

โดยจากโพสต์นั้นได้ระบุว่า “ถกแขนเสื้อขึ้นมาดูยังครับ ปลูกฝีอะไรกันบ้างงงงง ตอนที่เราเป็นเด็ก เราจะได้รับวัคซีนหรือที่เรียกกันติดปากว่า’ ปลูกฝี’ อยู่ 2 ชนิด ก็คือวัณโรค (BCG) กับฝีดาษ (Smallpox)
advertisement

ทีนี้ก็ฉีดกันมาเรื่อยจนประเทศไทยเราควบคุมมันได้ ไม่มีโรคฝีดาษเลยตั้งกะปี 2517 พูดง่ายก็คือตั้งแต่ปี 2517 ก็เริ่มทยอยเลิกฉีดกันไป ฉีดมั่งไม่ฉีดมั่ง และในที่สุดทั่วโลกก็เลิกปลูกฝีป้องกันฝีดาษตั้งแต่ปี 2523 อย่างเด็ดขาด
advertisement

เพราะฉะนั้น เด็กวัยรุ่นทั่วโลกที่เกิดหลังปี 2523 พอถกแขนเสื้อขึ้นมา จะเจอแผลเป็นแค่อันเดียวก็คือ แผลที่ปลูกฝีป้องกันวัณโรค(BCG) ทำไมต้องพูดเรื่องการปลูกฝี ก็เพราะว่าวัคซีนฝีดาษที่เราเคยฉีดในวัยเด็ก มันสามารถป้องกัน’ฝีดาษลิง’ ได้สูงมากน่ะสิครับ ซึ่งอย่างที่เรารู้กันว่ามันเข้าไทยมาแล้วรายแรกที่ภูเก็ต จนตอนนี้มันย้ายไปทางสระแก้วแล้ว 5555
advertisement

ใครเคยฉีดอะไรมา จะดูง่ายมากครับ ส่วนใหญ่นะ ไม่ใช่ทั้งหมดเสมอไป – แผลปลูกฝีป้องกันฝีดาษมักจะแบนราบ หรือบุ๋มลงไปนิดหน่อย – แผลปลูกฝีป้องกันวัณโรค (BCG) มักจะนูนขึ้นมา เรื่องฝีดาษลิงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว ลองสังเกตตัวเองสักนิดปลูกฝีอะไรบ้าง ให้ถกแขนเสื้อนะครับ ไม่ใช่ไปถกกางเกง อันนั้นอาจจะเจอฝีมะม่วงได้ 55555555″
advertisement

ทั้งนี้เรื่องของการยกเลิกวัคซีนปลูกฝีนั้นองค์การอนามัยโลกประกาศยกเลิกการปลูกฝีและถือว่าได้กวาดล้างโรคฝีดาษให้หมดไปแล้วในปี 2523 ทั่วโลกจึงได้มีการยกเลิกการปลูกฝีอย่างเป็นทางการ ประชากรในยุโรปและอเมริกาที่อายุเกินกว่า 50 ปี จึงไม่ได้รับการปลูกฝี สำหรับประเทศกำลังพัฒนาเลิกปลูกฝี มาประมาณ 40 ปี ประเทศไทยเลิกก่อน โดยเริ่มตั้งแต่ปีพศ 2517 และไปเลิกเด็ดขาดตามองค์การอนามัยโลก ในปี 2523
ขอขอบคุณที่มาจาก : หมอแล็บแพนด้า