แบ่งปันไอเดีย ทำกระทงจากก้านกล้วย ทำง่ายๆ ไม่ดำช้ำ

        ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับวันลอยกระทง ปี64 ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ในคืนวันเพ็ญ เดือน 12 หรือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 อันเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นช่วงที่น้ำหลากเต็มตลิ่ง โดยหลายคนเตรียมทำกระทงกันแล้ว 

        ล่าสุด ทางด้านเพจเฟสบุ๊ก สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี ได้โพสต์คลิปสาธิตไอเดียในการทำกระทงรักษ์โลก เป็นกระทงจากก้านกล้วย โดยได้โพสต์ระบุว่า…

        #กระทงลอยจากก้านกล้วย

        เนื่องด้วยเข้าใกล้เทศกาลลอยกระทงที่จะมาถึงในวันที่ 19 พฤศจิกายน นี้ ทางหลักสูตรฯ จึงขอนำเสนอวิธีการประดิษฐ์กระทงลอยจากก้านกล้วยมาฝากค่ะ

        ประเพณีลอยกระทงนั้นมีมาแต่โบราณ โดยมีคติความเชื่อหลายอย่าง เช่น เชื่อว่าเป็นการบูชาและขอขมาแม่พระคงคา เป็นการสะเดาะเคราะห์ เป็นการบูชาพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท เป็นต้น การลอยกระทงนิยมทำกันในวันเพ็ญ เดือน 12 ของทุก ๆ ปี อันเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลำคลองขึ้นสูงและอากาศเริ่มเย็นลง 

–

        การประดิษฐ์กระทงลอยจากก้านกล้วย เป็นการออกแบบโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ง่ายๆ รอบตัว มาออกแบบและประดิษฐ์ขึ้น โดยใช้วัสดุหลักเป็นก้านกล้วยที่ส่วนใหญ่เมื่อตัดใบตองแล้วจะทิ้ง นำมาออกแบบและประดิษฐ์กระทงโดยมีวิธีการทำดังนี้ค่ะ

–

        -เริ่มจากการนำก้านกล้วยมาฝานเฉลียงให้เป็นแว่น ความหนาขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร

        -นำก้านกล้วยที่ได้มาเสียบกับไม้จิ้มฟัน หรือ ไม้กลัด

        -นำก้านกล้วยที่เสียบไม้แล้วมาเสียบที่หยวกกล้วยโดยรอบ โดยเสียบให้เรียงกันเป็นแถว และ ลดหลั่นลงมา ประมาณ 5 ชั้น

        -นำดอกไม้และเครื่องบูชาต่างๆ จัดวางให้สวยงาม

        เทคนิคการทำไม่ให้ก้านกล้วยดำนั้น มีหลายวิธี คือ นำก้านกล้วยตัดพักทิ้งไว้ข้ามคืนให้ยางกล้วยออก หรือ แช่ในน้ำที่มีกรดอ่อนๆ เช่นน้ำมะนาว น้ำส้มสายชู หรือ หมั่นพรมน้ำอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ก้านกล้วยที่เสียบที่หยวกกล้วยแล้วแห้งและดำ

        คลิปนี้สาธิตโดย สุพิชชา  พานทอง นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกท่านสามารถติดตามรับชมวิธีการทำอย่างละเอียดได้ที่ช่อง youtube ของสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรีนะคะ

สวยงาม 

ลอยได้เลย 

คลิกเพื่อ >>>ชมคลิป<<<

        เป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลยทีเดียว เป็นวัสดุที่หาได้ง่ายๆ ทั่วไป แล้วก็สามารถย่อยสลายได้ง่ายด้วย ไม่เป็นขยะทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ เอาไอเดียนี้ไปทำตามกันได้เลย 

เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี