กินฝรั่งอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
advertisement
แม้ว่าการกินฝรั่งจะทำให้เราผอม หุ่นดีขึ้นได้โดยไม่ต้องอดอาหารก็ตาม แต่ถ้าหากเรากินฝรั่งผิดวิธี ก็อาจเกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามได้ ซึ่งเราจะขอแนะนำให้สาวๆ ได้นำไปปฏิบัติกันอย่างถูกต้องเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ
advertisement
1. กินฝรั่งให้ได้ทั้งผล
โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะในเปลือกฝรั่งก็มีแร่ธาตุและวิตามินอยู่ด้วยเหมือนกันนะ เช่น วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น
2. เลือกกินผลฝรั่งสด
โดยไม่ต้องเพิ่มรสชาติอื่น เช่น พริกเกลือ หรือ น้ำปลาหวาน มิเช่นนั้น สาวๆ ก็จะอ้วนเพราะน้ำตาลอยู่ดีนะจ๊ะ
3. หลีกเลี่ยงการกินเม็ดฝรั่ง
แม้ว่าจะหวานอร่อยดี เม็ดฝรั่งก็เป็นส่วนที่กินได้ เพียงแต่ไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าไรนักนะคะ เพราะเม็ดฝรั่งอาจไปอุดตันอยู่ที่ไส้ติ่งของเราได้ หรือถ้าหากเราเคี้ยวไม่ดี ก็จะทำให้เม็ดฝรั่งไปอุดอยู่ตามร่องฟันของเรา
4. หลีกเลี่ยงฝรั่งแปรรูปทุกชนิด
ฝรั่งแปรรูปทุกชนิด ได้แก่ ฝรั่งดอง ฝรั่งอบแห้งปรุงรส ฝรั่งในน้ำเชื่อมบรรจุกระป๋อง เครื่องดื่มน้ำฝรั่ง ฯลฯ ส่วนใหญ่จะเติมสารให้ความหวาน และสารสังเคราะห์แต่งสีเลียนกลิ่นธรรมชาติ ทำให้คุณค่าของผลฝรั่งลดลง ดังนั้น สาวๆ ควรงดนะคะ
5. ประโยชน์เน้นๆ เมื่อกินฝรั่งอย่างน้อยวันละ 1 ผล
การกินฝรั่งเป็นประจำทุกวันไม่ใช่แค่ทำให้เราผอม หุ่นดีอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แต่ยังทำให้สุขภาพของเราในด้านต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับด้วย ซึ่งเมื่อเรางดขนมกรุบกรอบแล้วหันมากินฝรั่งให้ได้วันละผล ลองมาดูกันว่าร่างกายเราจะเป็นอย่างไร
[ads]
-ห่างไกลโรคมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในผลฝรั่งสามารถป้องกันไม่ให้เราเป็นโรคมะเร็งได้ค่ะ ได้แก่ โรคมะเร็งในช่องท้อง โรคมะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในช่องปาก และโรคมะเร็งตับอ่อน เป็นต้น
-หายห่วงเรื่องคอเลสเตอรอล ฝรั่งเป็นผลไม้ที่กินแล้วจะช่วยเพิ่มระดับไขมันดีในร่างกาย (HDL) แทนที่ไขมันเลวตัวร้ายอย่างคอเลสเตอรอลได้
-ห่างไกลโรคลำไส้อักเสบ เมื่อร่างกายได้รับไฟเบอร์ในปริมาณที่พอเหมาะ ระบบขับถ่ายของเราก็ไม่มีปัญหา จึงไม่เสี่ยงเกิดโรคลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ
-หัวใจแข็งแรง เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีจากผลฝรั่ง ก็จะส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานเป็นปกติ สุขภาพหัวใจของเราจึงสมบูรณ์แข็งแรง
-ความจำดีขึ้น เพราะในผลฝรั่งอุดมด้วยแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น ฟอสฟอรัส และทองแดง ที่จะช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ทำให้เราเรียนรู้และจดจำอะไรได้อย่างว่องไวด้วยค่ะ
ที่มา : ชีวอโรคยา ที่มาของภาพ : healthandtrend