กินวิตามินอย่างไร..ให้ได้ประโยชน์เต็มๆ!!
advertisement
สารอาหารและวิตามินต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการหล่อเลี้ยงร่างกาย ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันตนเองจากโรคภัยต่างๆ สารอาหารวิตามินที่ร่างกายได้รับส่วนใหญ่มาจากอาหารที่เราทานเข้าไป และอีกส่วนหนึ่งร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเองได้ โดยที่ร่างกายก็ควรจะแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อที่จะพร้อมในการสังเคราะห์วิตามินบางชนิดนั้น และวิตามินชนิดใดบ้างที่สำคัญ และจะกินอย่างไร ..ให้ได้ประโยชน์เต็มๆ!!
1) วิตามิน A : มีประโยชน์ในการช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน สร้างเสริมกระดูก ผม ฟัน และเหงือกแข็งแรงสมบูรณ์ ส่งเสริมความต้านทานให้แก่ระบบหายใจ ช่วยให้อาการป่วยหายเร็วขึ้น และมีส่วนช่วยบรรเทาโรคเกี่ยวกับไทรอยด์
แหล่งที่พบ : น้ำมันตับปลา ผักสีต่างๆ เช่น แครอท ผักบุ้ง ผักโขม มะละกอสุก และหัวบีทรู้ท
– สำหรับการกินวิตามิน A เป็นอาหารเสริมควรกินวันละ 10,000 I.U.
2) วิตามินบีรวม : กลุ่มวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาทและความสมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ เหมาะสำหรับการบำรุงสุขภาพผิว ผม สายตา ตับแล้ว และประโยชน์อย่างมากในการรักษาความผิดปกติของเส้นประสาทและคลายความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้หลายคนไม่รู้ว่าวิตามินบียังช่วยให้กระฉับกระเฉง ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่นอนดึกหรือนอนหลับยาก การกินวิตามินบีก่อนนอนอาจทำให้คุณกลายร่างเป็นนกฮูกตาค้างไปทั้งคืน
– ปริมาณในการกินวิตามินบีเพื่อเป็นอาหารเสริมควรอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 มก. ต่อวัน
[ads]
3) น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส : ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ ช่วยป้องกัน และยับยั้งการลุกลามของภาวะประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน ช่วยบำรุงผิวพรรณ รักษาผิวหนังอักเสบ ช่วยลดอาการก่อนประจำเดือน และช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
– ปริมาณไม่เกิน 3,000 มก. ต่อวัน อาจมีผลข้างเคียงอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ ผื่นแพ้และลมชักกำเริบได้
4) วิตามินซี : ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถป้องกันและรักษาโรคหวัด มีส่วนช่วยลดการอักเสบจากการติดเชื้อและระดับคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีส่วนช่วยดูแลรักษาเซลล์ บำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ ช่วยชะลอวัย
– การขาดวิตามินซีชนิดนี้ ทำให้ป่วยบ่อย มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดข้อ เลือดออกตามไรฟัน แผลหายช้า และติดเชื้อง่าย
– ปริมาณวิตามินซีที่รางกายต้องการขั้นต่ำต่อวันคือ 60 มก. สำหรับในรายที่ขาดวิตามินซีแพทย์จะแนะนำให้กินวันละไม่เกิน 1000 มก. เพื่อประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระและเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย แต่ในช่วงที่เป็นหวัดควรกินวันละ 3000 มก. แบ่งเป็น 3-6 เวลา ตลอดทั้งวัน จะลดความรุนแรงของหวัดได้มาก
5) Zinc(สังกะสี) : ช่วยรักษาบาดแผลในร่างกายและช่วยให้ร่างกายดำรงความสมดุลในผู้ใหญ่ และช่วยทำให้เกิดความเจริญเติบโตในเด็ก ควบคุมฮอร์โมน สังเคราะห์โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ เสริมภูมิคุ้มกัน zinc ประกอบด้วยเอ็นไซม์ที่ควบคุมกระบวนการเผาผลาญ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระโดยปัจจัยต่าง ๆ หน้าที่ของ zinc ที่น่าสนใจก็คือการช่วยควบคุมอาการผิดปกติของผิวและช่วยในการรักษาบาดแผล
– อาหารเสริม zinc จะให้ผลดีที่สุดหากกินก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร อย่างไรก็ดีหากมีอาการปวดท้องควรกินพร้อมอาหาร และไม่ควรกินร่วมกับอาหารที่มีแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสสูงเพราะอาจทำให้การดูดซึมสังกะสีลดลง
6) วิตามิน D : ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร เพิ่มพลังงาน และช่วยรักษาสิว ทั้งนี้หากกินร่วมกับวิตามิน B6 ในขนาดสูงๆ จะช่วยรักษาข้ออักสบ และโรคเรื้อนกวาง (สะเก็ดเงิน) ได้
– ปริมาณที่แนะนำ ควรกินวิตามิน D เสริม วันละ 1,000 I.U
[yengo]
7) วิตามิน E : เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญ (OXIDATION) โดยมีตัวออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญ ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้น เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ช่วยต้านการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ ช่วยบำรุงตับ เซลล์ประสาท และช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ
– ควรกินวิตามิน E เสริม ขนาดเม็ดละ 400 I.U. วันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น ไม่ควรกินเหล็กและวิตามิน E พร้อมกัน จะเกิดภาวะที่ร่างกายไม่สามารถดูดวึมวิตามิน E ได้ วิธีแก้คือ ควรแยกกินวิตามิน E ก่อนธาตุเหล็ก 8-12 ชั่วโมง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
– เลือกอาหารเสริมสูตร time-release formulations จะออกฤทธิ์ ในร่างกายนานกว่า 8-10 ชั่วโมง และได้ประโยชน์โดยเฉพาะ เมื่ออาหารเสริมนั้นอยู่ในรูปวิตามินที่ละลายน้ำได้ เช่น วิตามินซี และด้วยเหตุที่ร่างกายจะขับวิตามินส่วนเกินหลังเวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นจึงควรกินอาหารเสริมที่ออกฤทธิ์นานตลอดวัน
– ทานตอนเช้า วิตามินและอาหารเสริมทั่วไป ควรรับประทานตอนเช้าจะดีที่สุด แต่ก็มีอาหารเสริมบางชนิดจำเป็นต้องทานวันละ 2-3 ครั้ง หากคุณรับประทานวิตามินรวมเป็นประจำในตอนเช้า
– ทิ้งช่วงระหว่างดื่มกาแฟ หรือชากับอาหารเสริมให้ห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะคาเฟอีนจะขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารบางชนิด
– ควรทานพร้อมอาหาร เนื่องจากจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น วิตามินประเภท time-release ต้องทานตอนที่มีอาหารอยู่ในกระเพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารเสริมไหลผ่านไปยังลำไส้ ซึ่งไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมบางชนิด เช่น สังกะสีควรรับประทานก่อนอาหาร ดังนั้นก่อนทานควรอ่านฉลากให้แน่ชัด
– อ่านฉลากกำกับ ให้เข้าใจขนาดและวิธีใช้อย่างชัดเจนก่อนรับประทาน
– เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไว้วางใจได้ มีมาตรฐาน อย. รับรองคุณภาพ ระบุวันผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน
สารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มีอยู่ในอาหารที่เราทานในทุกๆ วัน เราจึงควรใส่ใจในการเลือกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ในแต่ละวัน แต่หากว่าใครที่มั่นใจว่าทานอาหารได้ไม่เพียงพอ อาจพิจารณาอาหารเสริมหรือวิตามินบางชนิด ทั้งนี้ก็ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : ไข่เจียว.com