“ขับรถปาดหน้า” ก่ออารมณ์โกรธสูงถึงร้อยละ 80 แนะเทคนิคแก้ แค่คิดแง่ดีๆ ช่วยได้
advertisement
อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยต้นเหตุทะเลาะ วิวาทหรืออุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนหนึ่งเกิดมาจากถูกขับรถปาดหน้า สร้างอารมณ์โกรธเคืองสูงถึงร้อยละ 80 แนะวิธีการควบคุมตนเอง ลดปะทะหรือเอาคืน ป้องกันปัญหาบานปลาย โดยฝึกปรับความคิดบวกหรือคิดในแง่ดีๆ 5 ประการแทน เช่น คิดว่าเขามีความจำเป็นด่วนในชีวิตลูกหรือญาติ คิดว่าเป็นญาติพี่น้อง เป็นอาจารย์เรา หรือใช้วิธีร้องเพลง หายใจคลายเครียด หรือกล่าวคำขอบคุณที่ช่วยสร้างความอดทนให้
advertisement
โดยทั่วไปผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถ จะมีความเครียดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เรามักจะพบเกิดขึ้นบ่อยๆ บนท้องถนน ก็คือการขับรถปาดหน้า ซึ่งผลการศึกษาพบว่าผู้ที่ถูกขับรถปาดหน้าร้อยละ 80 จะมีอารมณ์โกรธเคือง ฉุนเฉียว บางรายแก้แค้นขับปาดหน้าเอาคืน หรือบางคนอาจใช้อาวุธอื่นๆทำร้าย ซึ่งไม่เกิดผลดี ทำให้เสียเวลา บาดเจ็บหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ และเคยปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ
advertisement
1. คิดว่าเขาเป็นญาติ เป็นครูอาจารย์ที่เราเคารพรัก
2.คิดว่าเขาอาจมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในชีวิต ญาติ หรือลูกไม่สบาย เอาใจเขามาใส่ใจเรา
3. ร้องเพลงเพื่อยับยั้งชั่งใจตนเอง
4. ฝึกการหายใจทางหน้าท้อง สูดหายใจเข้า-ออกยาวๆ เพื่อคลายเครียด
5. กล่าวคำขอบคุณที่ช่วยฝึกความอดทนให้เรา
advertisement
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรืองกล่าวต่ออีกว่า การขับรถปาดหน้า ถือเป็นพฤติกรรมที่เกิดมาจากการขาดระเบียบวินัยที่ดี วิธีการปลูกฝังให้มีวินัย ประชาชนสามารถทำได้ง่ายๆ โดยฝึกการเข้าแถว การเข้าคิวให้ติดเป็นนิสัย รู้จักการรอคอยให้เป็น เริ่มสร้างได้ตั้งแต่วัยเด็ก ปฏิบัติให้เกิดความเคยชิน
อย่างไรก็ตามในการเดินทางบนท้องถนน ขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมโดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำหน้าที่ขับรถจะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ คือพักผ่อนก่อนเดินทางอย่างเต็มที่อย่างน้อย 8 ชั่วโมง งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมสุขภาพจิต