คราบหินปูน..อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม!!
advertisement
แม้ว่าเราทุกคนจะทราบกันดีว่า ควรทำความสะอาดฟันด้วยการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน เช้าและเย็น แต่ 90 เปอร์เซ็นต์ของคนทั่วไปจะมีปัญหาเกี่ยวกับหินปูน ซึ่งเกิดจากการสะสมคราบพลัคบนผิวฟัน ที่หากไม่ได้ทำความสะอาดที่เพียงพอ ก็จะก่อตัวเป็นหินปูนได้ ปัญหาหินปูนที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือฟันจะมีสีเหลือง หรือสีครีม มีปัญหากลิ่นปาก และยังเป็นสาเหตุของโรคในช่องปากอื่นๆ รวมถึงสุขภาพโดยรวมด้วย ดังนั้นไม่ควรชะล่าใจค่ะ ไปดูอันตรายของคราบหินปูน พร้อม Kaijeaw.com กันค่ะ
advertisement
การเกิดขึ้นของหินปูน
หินปูนเกิดขึ้นมาจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า สเตรปโตคอคคัสมูทานส์ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ตามซอกฟัน น้ำตาลจากเศษอาหารที่ติดฟัน จะทำให้เชื้อนี้เจริญเติบโต พร้อมกับผลิตกรดบางอย่างขึ้นมา ซึ่งสามารถทำลายแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวเคลือบฟันได้ จากนั้นแบคทีเรียดังกล่าว ก็จะสร้างหินปูนขึ้นมาปกคลุมตัวเองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ตัวมันสามารถเกาะติดกับผิวฟันได้อย่างมั่นคง โดยไม่หลุดลอกหรือถูกชะล้างไปไหน หากปล่อยไว้นานวันเข้าหินปูนเหล่านี้ก็จะยิ่งพอกพูนหนาขึ้น ขณะที่ผิวเคลือบฟันและเนื้อฟันค่อยๆ ผุกร่อนลงและอันตรายมากตรงที่แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดหินปูนขั้นนี้ สามารถจะติดต่อถึงกันได้ เพียงแค่เรารับประทานอาหารร่วมช้อนเดียวกัน
ส่วนมากแล้วคราบหินปูนจะเกิดปริเวณซอกฟันระหว่างฟัน หรือเกิดที่โคนของฟันทุกซี่ได้ทั้งปาก ไม่เว้นแม้กระทั้งฟันปลอม การแปรงฟันหรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ไม่สามารถกำจัดจุลินทรีย์พวกนี้ได้ จะสามารถกำจัดหินปูนได้โดยการเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อให้หมอฟันขูดหินปูนออกให้
คราบหินปูนทำลายฟันได้ ภายหลังการแปรงฟันเพียง 2-3 นาที ในช่องปากของเราจะเริ่มทำการสร้างจุลินทรีย์ โดยปกติผิวฟันของเราจะมีน้ำลายปกคลุมผิวฟันในลักษณะของแผ่นฟิล์ม ซึ่งประกอบด้วยสารไกลโคโปรตีน ที่มีน้ำตาลและโปรตีน ที่จะยังไม่ทำให้เกิดโรค แต่หากมีการรวมตัวของจุลินทรีย์และแบคทีเรียมาเกาะหนาและเหนียวขึ้น ก็จะทำให้เกิดคราบพลัค ซึ่งจะพบได้บ่อยบริเวณร่องเหงือก ร่องฟัน เพราะผิวฟันของเรามีพื้นผิวที่ไม่เรียบและร่องเหงือกที่มีทั้งมองเห็นได้และไม่สามารถมองเห็นได้
ภายใน 24 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่ช่องปากจะสร้างจุลินทรีย์บางชนิด ก่อให้เกิดคราบ ภายใน 48 ชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่จุลินทรีย์และแบคทีเรียทำปฏิกิริยากัน และหลั่งสารทำลายผิวเคลือบฟัน [ads]
advertisement
อันตรายของคราบหินปูน
1. โรคฟันผุ เพราะจุลินทรีย์ที่สะสมจะปล่อยกรดออกมาทำลายสารเคลือบฟัน ที่ยิ่งนานๆ จะยิ่งกัดกร่อนผิวฟัน
2. เหงือกอักเสบ เนื่องจากคราบจุลินทรีย์จะใช้น้ำตาลจากอาหารในการสร้างกรดและสารพิษ ที่นอกจากทำให้ฟันผุ ยังมีสารบางตัวทำร้ายเหงือกด้วย
3. ฟันเหลือง ดูสกปรก เนื่องจากเป็นแคลเซียมและจุลินทรีย์มาเคลือบผิวฟัน จึงเกิดการตกตะกอนเป็นสีเหลืองทำให้เสียบุคลิกภาพ
4. มีกลิ่นปาก เพราะคราบหินปูนก็มีแบคทีเรียจากขี้ฟันที่ทำให้มีกลิ่นปาก
5. เหงือกร่น หากว่าหินปูนเกาะตัวกันใหญ่มากๆ มันก็จะดันลงข้างล่าง ดันเหงือกของเราให้ถอยตัวลงไป
6. ปัญหาฟันโยก ฟันห่าง ถ้าหินปูนดันเหงือกลงมากๆ แล้วก็จะทำให้เหงือกยึดฟันได้น้อย เวลาเคี้ยวอาหารก็มีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ฟันจะโยก และถ้าหินปูนใหญ่ขึ้นก็จะดันฟันข้างๆ ได้ ทำให้ฟันห่างกันไปอีก
7. เหงือกอักเสบ เชื้อจุลินทรีย์บางจำพวก จะปล่อยสารพิษออกมาทำลายเยื่อเหงือก ทำให้เกิดเหงืออักเสบ
8. ปริทนต์ อาการที่เกี่ยวเนื่องกับอักเสบระยะรุนแรง เพราะกระดูกและเส้นใยที่คอยยึดฟันจะถูกทำลายแล้ว ทำให้คราบเข้าไปสะสมในร่องเหงือก ซึ่งหากยังคงปล่อยไป อาจถึงขั้นต้องถอนฟันทิ้งไป
9. ทำให้เกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากการที่คราบหินปูนคือเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ เข้าไปในกระแสเลือดและเจริญเติบโตเป็นคราบในหลอดเลือดเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด จนถึงขั้นเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ [ads]
การกำจัดหินปูน
วิธีการกำจัดหินปูนออกจากฟันของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลแน่นอนที่สุดก็คือ "ขูดหินปูน" โดยทันตแพทย์ เพราะหินปูนไม่สามารถใช้แปรงสีฟันแปรงออกได้ ที่สำคัญคือห้ามใช้ไม้หรือของแข็งมาแถะ หรือขูดหินปูนโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากหินปูนจะไม่ออกแล้ว ยังทำให้เลือดออกตามไรฟันและเกิดการเสียวฟันได้
เนื่องจากการดูแลฟันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การขูดหินปูนจึงมีระยะเวลาความถี่ที่แตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วควรพบทันตแพทย์อย่างน้อย 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง เพื่อทำการตรวจเช็คคราบหินปูนและทำการขูดออก หากพบว่ามีการก่อตัวของหินปูนนั้น แต่สำหรับบางคนที่ดูแลฟัน แปรงฟันอย่างถูกวิธี ทันตแพทย์ก็จะแนะนำเวลาที่จะต้องขูดหินปูนในนัดครั้งต่อไป
วิธีป้องกัน การเกิดหินปูน
การมีหินปูนไม่ใช่การเป็นโรค คล้ายๆ กับการเกิดมีขี้ฟันที่เกาะที่ตัวฟันหลังกินอาหาร ถ้าไม่กินก็คงจะไม่เกิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้ไม่กินอาหารก็มีคราบของโปรตีนในน้ำลายไปเกาะที่ผิวฟันอยู่ดี เพียงแต่เรามองไม่เห็น และไม่เป็นอันตรายต่อฟัน ดังนั้นที่จะทำได้คือ การทำความสะอาดฟันให้สะอาดทั่วทั้งปากทุกๆ วัน ก็จะทำให้เกิดหินปูนช้าลงหรือน้อยลง
อันตรายของหินปูนเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ ดังนั้นใครที่ไม่อยากมีหินปูน ก็อย่าลืมที่จะดูแลและรักษาความสะอาดของฟัน เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของฟันอยู่คู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com