ครูดอยเปิดใจ สาเหตุลาออกสะเทือนวงการครู
advertisement
จากกรณีที่มีการแชร์จดหมายลาออก ที่คุณครูท่านหนึ่งได้เขียนขึ้น พร้อมกับระบุเหตุผลที่สะท้อนปัญหาที่ตนเองพบเจออย่างตรงไปตรงมา ชี้ปัญหาระบบการประเมินของบุคลากรครู ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการสอน เสียทั้งแรง เวลา และงบประมาณ บวกกับปัญหาเรียนออนไลน์ ที่ไม่รู้จะยืดเยื้อไปถึงเมื่อใด ขอลาออกให้คนที่มีความสามารถทำงานคุ้มเงินภาษีมาทำแทน
advertisement
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านดอนพลอง ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพูดคุยกับ นางกรวรรณ บุญทันเสน หรือ ครูเก่ง ตำแหน่งครู ค.ศ. 1 สังกัด สพป.นครสวรรค์ เขต 2 เพื่อสอบถามถึงการตัดสินใจลาออกจากราชการ ด้วยเหตุผลที่สะเทือนทั้งวงการ เพราะเป็นปัญหาที่ครูส่วนใหญ่ และเรียกร้องให้มีการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวมาเป็นเวลานานแต่ไม่ได้รับการแก้ไข
advertisement
นางกรวรรณ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ตนตัดสินใจเขียนใบลาออก เพราะว่าตนเองเป็นครูที่สอนหนังสือเด็ก จุดเริ่มต้นของเรื่องมาจาก ระบบของการศึกษาที่ประเมินด้วยเอกสารและระบบที่ไม่เป็นธรรม ตนเคยมีความฝันว่าอยากจะไปเป็นครูอยู่บนดอย เคยไปสอนอยู่ที่นั่นมาตลอด จนกระทั่งมีครูคนหนึ่ง ที่เป็นคนในพื้นที่ เข้ามาได้เพราะเส้นสาย เมื่อมาเป็นครูแล้ว ก็ไม่ได้สอนเด็กอย่างเต็มที่เลย เรารู้สึกเสียความรู้สึก ที่เราสอนเด็กมา เพื่อให้เขาได้ไปต่อยอดความสามารถของเด็ก แต่ว่าเขากลับไม่สอน ไม่สนใจ ตอนถึงเวลาประเมินเด็ก ปรากฏว่า เด็กนักเรียน ป.1 อ่านไม่ออก ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กที่เรียนดีที่สุดในห้องก็ตาม ทำให้ตนเห็นว่า ครูคนนั้นไม่ได้สอนนักเรียนตามหลักสูตรเลย ทั้งที่ตนได้บอกไปแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วใช้หลักสูตรอะไรสอน แต่เขาไม่สนใจ เมื่อตนได้เข้าไปบอก ก็ถูกข่มขู่ ต่อว่า ใส่ร้ายให้ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเกลียดชังตน ทำให้ผู้ปกครองมองตนเปลี่ยนไป
advertisement
ตนจึงได้ไปปรึกษาผู้ใหญ่ทางโรงเรียนและทางกระทรวง ว่าถ้าหากตนเขียนร้องเรียนว่าพฤติกรรมของครูคนนี้เป็นยังไง สามารถทำได้หรือไม่ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ตนอดทน อย่าทำอะไร ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทุกคนต้องให้ตนทำแบบนั้น ซึ่งตนก็ทนมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา จนรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว เวลาประเมินครู เราต้องทำเอกสารประเมิน การประกวดต่างๆ ผ่านตัวอักษร บังคับให้เราเขียนแต่สิ่งดีๆ ทั้งที่ครูบางคนไม่ได้ทำจริงๆ ตนมองว่าเป็นการเสียเวลา เสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ตนไม่เห็นด้วยกับระบบแบบนี้
advertisement
ยิ่งช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ต้องมีการสอนออนไลน์ แล้วโรงเรียนที่ตนสอน ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ค่อยพร้อม ทำให้ตนสอนและให้ความรู้กับเด็กได้ไม่เต็มที่ ทำให้ตนตัดสินใจยื่นใบลาออก ด้วยเหตุผลที่แทบจะไม่เคยมีครูคนไหนเขียนมาก่อน ตนคิดถูกแล้วที่เขียนเหตุผลแท้จริงของตัวเองไป
"อยากวาร์ปไปเกษียณในทันที เหนื่อยทั้งกายและใจ"
advertisement
"จริงๆ ปัญหานี้จะไม่เกิดเลย ถ้ากระทรวงฯให้ความเป็นธรรมกับบุคลากรอย่างเท่าเทียม เสนอให้สิทธิครูประเมินการทำงานผู้บริหาร และบุคลากรก็ควรมีสิทธิประเมินการทำงานของหัวหน้างาน"
advertisement
"ปัญหาจะมีทุกองค์กร เวลาน้องไปทำงานไม่ว่าหน่วยงานไหน เอกสารที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานจึงไม่มีเพราะเป็นงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย เชื่อว่าไปทำงานที่หน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่โรงเรียนก็ทำได้ด้วยความอึดอัดสะท้อนให้เห็นถึงภูมิคุ้มกันของคนในสังคมและปัญหาองค์กร น้องควรมุ่งมั่นเติบโตเป็นผู้บริหารแล้วลองบริหารงานตามที่ฝันลองดู คำว่าครูจึงไม่ได้มีหน้าที่แค่สอน เพราะจะจ้างคนมาทำหน้าที่ในโรงเรียนทุกอย่างไม่ได้ต้องช่วยกัน ถ้าเทียบกับข้าราชการอย่างอื่นก็มีค่าตอบแทนที่สูงกว่ามาก เอาไปพิจารณาให้ดีครับ เคสนี้ถ้าเป็นผมอนุญาตให้ลาออกทันที"
advertisement
"เพิ่นอาจจะถูกลอตเตอรี่12ล้านแล้วหรือไม่ก็มีมรดกที่บ้านเยอะแยะมากมายไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้รายจ่ายในชีวิตมากนัก 555 เราก็อยากลาออกตอนทำงานพัสดุ แต่เราต้นทุนชีวิตไม่มาก เลยต้องสวดมนต์ทุกๆ วันแทน เพราะลาออกไป คงเครียดกว่าทำงานพัสดุแน่แท้ (ทุกข์อยู่คู่กับชีวิต การฝึกตนฝึกจิตสำคัญกว่า) "
หลังเรื่องราวแชร์ออกไป มีครูหลายคนที่มาแสดงความคิดเห็นเหมือนกัน ว่าไม่ชอบระบบเส้นสาย ระบบอุปถัมภ์ ระบบการเขียนประเมิน ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะลาออกก็ได้วางแผนอาชีพของตัวเองเอาไว้แล้ว ว่าถ้าหากลาออกมาจะทำอะไร ซึ่งตนมีอาชีพรองรับแน่นอน อย่างไรก็ตามรู้สึกดีใจมากที่ได้ พูดในสิ่งที่อยากพูดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อครูรุ่นต่อไป โดยหนังสือลาออกจะมีผลวันที่ 2 ธันวาคมนี้
ขอขอบคุณที่มาจาก : sanook.com , อะไรอะไรก็ครู