18 ความจริงจาก แมทธิว-ลีเดีย หลังเข้ารับการรักษาโควิด-19

       หลังจากที่ป่วยติดเชื้อโควิด และเข้ารักการรักษาทั้งคู่ สำหรับ แมทธิว ดีน และ ลีเดีย ศรัณย์รัชต์  ก็ได้ออกมาอัปเดตอาการให้ทรายอยู่เป็นระยะๆ และวันนี้เราจะมาดูกันถึง 18 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคโควิด ที่ทั้งคู่ได้บอกไว้เพื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน 

      1.แมทธิว เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ 13 มี.ค. รวม 27 วัน ลีเดีย เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ 16 มี.ค. รวม 24 วัน

      2.อาการโอเค 99% ไม่ต้องกินยาต้านไวรัสแล้ว

     3.ผลตรวจยังเป็นบวก (ตามที่แมทธิวได้โพสต์แจ้งล่าสุด) แมทธิวตรวจประมาณ 5 ครั้ง ลีเดียตรวจ 3 ครั้ง ถ้าตรวจอีกครั้งจะอัปเดตให้ทราบ แต่ไม่รู้จะตรวจอีกทีเมื่อไหร่ เพราะคุณหมอบอกว่ายังไม่อยากตรวจให้ เพราะว่าเชื่อว่ายังคงเป็นบวกอยู่ จนกว่าจะครบเดือนกว่าๆ 

     4.พี่ป๋องพิธีกรร่วมที่ลุมพินีวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมากับแมทธิวก็ยังผลตรวจเป็นบวกอยู่

      5.แมทธิวบอกว่าเท่าที่ทราบคือบวกกันอยู่ 3 คน มีบางคนที่เข้ามาก็ผลตรวจลบแล้ว กลับบ้านเร็ว หายก่อน

      6.โรคนี้คาดเดายาก ไม่สามารถบอกไม่อะไรได้ถูก ไม่มีอะไรที่แน่นอนจริงๆ ว่าจะหายเร็วหรือหายช้า จะเป็นหนักเป็นน้อย ผลที่จะออกมาเดากันไม่ถูก แล้วแต่คน

       7.หลายๆ เคสไม่เหมือนกันเลย เคส แมทธิว-ลีเดีย อาการค่อนข้างโอเคทุกอย่าง แต่ว่าตรวจมาแล้วบวก แต่บางคนเดินยังเหนื่อยยังหอบอยู่ ไอหนักมาก แต่ตรวจมาลบแล้ว บางคนแค่วันแรกเข้ามาไม่มีอาการอะไร ไม่ต้องกินยาอะไรเลย แต่ก็ยังบวกอยู่ ทุกอย่างแล้วแต่คน 

       8.ลีเดีย บอกว่าทั้งคู่น่าจะผ่านจุดที่วิกฤติสุดมาแล้ว คือออกจากห้องไอซียูแล้ว ตอนนี้ผ่านมา 20 กว่าวันแล้ว น่าจะโอเคแล้ว น่าจะไม่ทรุดอีกรอบ [ads]

       9.แมทธิวบอกว่าหนักสุดคือช่วง 10 วันแรก ที่เขาบอกว่าเป็น "10 วันอันตราย" จะต้องดูเรื่องของไข้ให้ดี ต้องดูปอดว่าติดเชื้อหรือไม่ มีปัญหาการหายใจอะไรหรือเปล่า โชคดีที่เมืองไทยมีโรงพยาบาลค่อนข้างเยอะ รับคนไปตรวจเยอะ ถ้าต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลจะมีการตรวจเอกซเรย์ปอดคุมเข้ม

       10.สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูว่าลงปอดหรือไม่ เพราะถ้ามันไม่ลงปอดน่าจะรักษาได้ง่ายกว่า ไม่น่ามีอะไรที่ต้องกังวลมาก อาจไม่ต้องกินยา แต่ก็คนแล้วแต่คุณหมอพิจารณา

        11.สิ่งที่ต้องระวังที่สุด คือถ้ามันลงปอดเมื่อไหร่ ก็ต้องดูว่าลงแล้วลามขนาดไหนต้องรักษาไปในแนวทางไหน 

       12.อาการทั้งคู่ที่ยังรู้สึกไม่ 100% เพราะมีไอนิดหน่อย แต่หมอบอกว่านี่คือการฝืนตัวของร่างกาย ในเมื่อปอดโดนไวรัสเข้าไปก็เป็นแผลในปอด ร่างกายก็จะค่อยซ่อมแซมผลิตเสมหะขึ้นมา อะไรต่างๆ ที่ทำให้เราไอ หรือมีระคายคอบ้าง เป็นขั้นตอนของการฟื้นฟู ร่างกายซ่อมตัวเอง

      13.หมอบอกว่าทั้งคู่อาจจะตรวจแล้วเจอไวรัสอีก แต่ไม่รู้เป็นไวรัสที่ตายแล้ว หรือเป็นไวรัสที่ยังไม่ตาย แต่ในเมื่อเจอแล้วก็ต้องเดาว่ายังมีชีวิต เพราะว่าถึงแม้ไวรัสอาจจะไม่ได้ทำร้ายเราแล้ว แต่ว่ามีโอกาสที่จะไปแพร่ให้คนอื่นอาจจะทำร้ายคนอื่นได้ เพราะฉะนั้นให้ผลมันออกมาลบจริงๆ ถึงจะกลับบ้านได้ ไม่อยากเอาไปเสี่ยงติดครอบครัวหรือคนอื่น

     14.ถ้าผลตรวจออกมาเป็นลบ หาย 100% สิ่งที่ดีก็คือทั้งคู่จะมีภูมิต้านทานตัวไวรัสนี้สักระยะหนึ่ง อาจจะช่วยผู้ป่วยคนอื่นๆ ได้ อย่างที่คุณหมอบอกว่าอาจจะเอาพลาสมาไปช่วยได้ ถ้าหายดีแล้วจะไปบริจาคพลาสมา

       15.ใน 4 สัปดาห์ที่อยู่ในโรงพยาบาล ทางร่างกายมีหมอ พยาบาล คอยดูแล ความเป็นอยู่ ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ทางจิตใจค่อยข้างกระทบ อยากกลับไปกอดลูกนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราสองคน เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนอยู่บ้านไม่ออกไปเสี่ยงติดเชื้อ กระจายเชื้อต่อไป ไม่อยากให้ใครต้องเป็นเหมือนเรา

     16.ลีเดีย ดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีกันและกัน ลองคิดดูแล้วถ้าแมทธิวไม่มีลีเดีย ลีเดียไม่มีแมทธิว ถ้าต้องอยู่คนเดียว สู้กับโรคคนเดียว ทุกอย่างก็คงหนัก

     17.วันนี้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันโดยไม่ใส่แมสก์แล้ว ซึ่งคุณหมอบอกว่าอยู่ได้ เพราะผ่านไวรัสตัวเดียวกัน คงไม่มีโอกาสที่จะส่งไปส่งกลับ ทั้งคู่มีภูมิต้านทานแล้ว มีแต่คนที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่ทั้งคู่จะไปทำให้ติดได้

      18.ฝากให้ทุกคน อยู่บ้านแล้วออกกำลังกาย กระตุ้นภูมิต้านทานให้แข็งแรง ถ้าเกิดบังเอิญต้องไปเจอไวรัส หากร่างกายแข็งแรง ถึงแม้จะเป็นก็อาจจะเป็นในขั้นที่ไม่หนัก เหมือนทั้งคู่ที่ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ กินอาหารมีประโยชน์มาตลอด ส่งผลต่อการที่เป็นโควิด-19 ในครั้งนี้ไม่รุนแรงมาก ถึงแม้จะเป็นนานแต่ไม่ได้รุนแรงมาก.

คลิกเพื่อชมคลิป

       ในการรักษาครั้งนี้ทั้งสองท่านก็มีกำลังใจที่ดีอย่างมาก และหวังว่าจากข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆท่าน ในช่วงโควิด-19 นี้นะคะ 

ขอขอบคุณที่มาจาก : thairath.co.th  , matthew.deane1