คุณพ่อแชร์ประสบการณ์!! โรค RSV ขั้นตอนรักษาเห็นแล้วร้องให้ตามลูก
advertisement
ไวรัส RSV (RSV Virus) คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งจำนวนมาก เช่น เสมหะ เป็นต้น เชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม ผู้ป่วยมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นหวัด คือ ปวดศีรษะ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล พบผู้ที่ติดเชื้อไวรัส RSV ได้ในทุกวัย แต่พบมากในเด็กและทารก ซึ่งเป็นวัยที่มักเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนได้
และในตอนนี้ก็พบว่าหลายท่านเจอปัญหานี่อยู่ ลูกๆหลายท่านกำลังเป็น ไวรัส RSV และได้มีการแชร์ประสบการณ์ของแต่ละคนออกไปเช่นเดียวกันกับ คุณพ่อท่านนี้ที่ได้มาเล่า เรื่องราวเพราะเขาเองเพราะเจอประสบการณ์ในการรักษาลูกกับโรคนี้มาแล้ว โดยขั้นตอนการรักษานั้นค่อนข้างโหด สำหรับเด็ก โดยคุณพ่อได้เล่าไว้ว่า[ads]
advertisement
คิดอยู่นานว่าจะโพสภาพลูกตอนที่รักษาอยู่ในโรงพยาบาลนี้ดีหรือไม่แต่ถ้าภาพความทรมานของเด็กน้อย จะกระตุกให้คนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเอง ยั้งคิดในการแพร่เชื้อให้เด็กโดยไม่รู้ตัวได้ซักรายสองรายเราจะคงจะดีใจมาก
ก่อนอื่นขอเท้าความเจ้าโรค RSV กันหน่อยRSV เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง ที่อาการรวมคล้ายๆหวัดนั่นแหล่ะเริ่มจากมีไข้ ไอ จาม หายใจหอบ กินไม่ค่อยได้ ความน่ากลัวของมันคือถ้าเกิดในเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี ที่ยังไอไม่เก่ง จัดการกับเสมหะในลำคอไม่เป็น ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ถูกวิธีก็มีโอกาสติดเชื้อลงปอดได้ คราวนี้ล่ะเรื่องใหญ่เรื่องยาว อาจจะต้องไปนอนในไอซียูกันเลยทีเดียวแต่โดยส่วนใหญ่เด็กที่แข็งแรงประมาณนึง มักจะมีอาการไม่มาก นอนโรงพยาบาล 3-4 คืนก็กลับไปดูอาการต่อที่บ้านได้ คนที่แย่หน่อยก็อาจจะอยู่ยาวถึงครึ่งเดือน
แต่….. ที่อิแม่ส่วนใหญ่ดูดราม่าเว่อวังกับเจ้าโรคนี้ เพราะขั้นตอนการรักษาแม่งโหดสัดดมากสำหรับเด็กเล็ก (ขออนุญาตใช้คำหยาบคายเพราขุ่นแม่อินมาก)เด็กน้อยต้องถูกพ่นยาโดยใส่หน้ากากหน้าหมาทุก 6 ชั่วโมง (วันนึงเด็กน้อยโดนจัดไป 3-4 รอบ) แล้วก็ดราม่าน้ำตาแตกทุกรอบ รูปที่แชร์นี่คือร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไปเลยเด็กน้อยต้องโดนเคาะปอด ดูดเสมหะวันละสองรอบเช้าเย็น ขั้นตอนนี้แหล่ะโหดสุดละ อิแม่นี่สงสารลูกจับใจ ขนาดอ่านรีวิวเตรียมรับสภาพมาแล้วว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เจอช๊อตพยาบาลจับลูกห่อตัว สอดท่อทางปากทางจมูกเพื่อดูดและกระตุ้นให้อาเจียนเพื่อเอาเสมหะออกมา อิแม่งี้น้ำตาซึม (process นี้อิแม่ไม่กล้าเอารูปลง กลัว fc ดารินแตกตืน )
โรคนี้ติดกันง่าย ในสเปซแคบๆ จามเฟี้ยงเดียวก็มีโอกาสติดแล้วโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ถ้ามีเชื้อ ขี้มูกเริ่มย้อย แล้วมาเล่นด้วยกันนี่โอกาสติดเยอะมาก ผู้ใหญ่เอง ที่มีเชื้อ แต่อาจจะไม่รู้ตัว ก็มีโอกาสแพร่เชื้อให้เด็ก จากการสัมผัสบริเวณใบหน้า มือ หรือตรีน(ในรายที่ยังเอานิ้วตรีนมาดูดอยู่) เค้าถึงมีการรณรงค์ไม่สัมผัส ไม่หอม เวลาเจอเด็กเล็ก น่ารักน่าฟัดขนาดไหนก็ต้องอดใจไว้ อยากหอมมากกก แนะนำให้ขอพ่อแม่เค้าก่อน จะได้รู้ว่าเค้าโอเคมั้ยที่จะให้คุณหอม (เชื่อว่าร้อยทั้งล้านไม่โอเค บอกเลย)[ads2]
ในมุมของอิพ่ออิแม่เองที่มานอนเฝ้าไข้ลูกอยู่นี่ ก็จะได้ระวังตัวมากขึ้น คงไม่จิตตกขนาดไม่พาออกนอกบ้านเลย แต่ต้องระวังและเตรียมรับมือให้ดีกว่านี้
– แอลกอฮอผ้าเปียกจัดไปอย่าให้ขาด เช็ดถูวนไป ในสายตาคนที่ไม่มีลูกหรือไม่เข้าใจเราอาจจะดูโรคจิตหน่อยๆ แต่อย่าได้แคร์ ที่ควรจะแคร์คือลูกของคุณ
– กล้าและด้านเพิ่มอีกนิดกับการปฏิเสธคนที่จะเข้ามาเพิ่มความเสี่ยงให้ลูกได้รับเชื้อ คนเราเห็นเด็กน่ารักอาจลืมตัวได้ ไม่ว่ากัน(จริงๆอยากว่าแต่เกรงใจ) แต่ถ้าพ่อแม่สตรองก็จะช่วยชีวิตลูกได้มาก จำไว้ โพสยาวมาก ไม่รู้จะมีใครอ่านจนจบมั้ย ถ้าจะมีใครแชร์ออกไป แล้วทำให้เด็กๆรอบตัวเราเสี่ยงกับการติดเชื้อน้อยลงได้ เราคงดีใจมาก
ความคิดเห็นจากชาวเน็ต
advertisement
ขอให้น้องหายเร็วๆหน่อยนะคะ
advertisement
สู้ๆนะคะคุณพ่อ[ads3]
advertisement
พ่อแม่ต้องเฝ้าระวังไว้นะคะ ดูแลลูกให้อย่างใกล้ชิดขอให้ทุกบ้านที่กำลังเป็นอยู่สู้ๆนะคะ ขอให้น้องๆหายเร็วๆ นะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก: Supanya Salee