อยากให้ทุกคู่ได้อ่าน!! คู่สามีภรรยา อยู่ด้วยกันมักจะนึกถึงแต่ข้อเสียของกันและกัน สุดท้ายคิดได้ก็สายไปแล้ว!!
advertisement
ทุกๆ วันระหว่างจันทร์ถึงศุกร์ ร้านข้าวแกงแห่งนี้จะมีคนทำงานออฟฟิศมากมายมาทานอาหารเที่ยงกันในช่วงระหว่างเวลาเที่ยงถึงราวบ่ายโมงครึ่ง ด้วยเหตุที่สนนราคาที่ไม่แพงเกินไปสำหรับคนชั้นกลางที่ทำงานในละแวกใกล้เคียง ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ฝากท้องไว้กับที่นี่ เวลาผมแวะไปทานอาหารผมก็มักได้ยินเรื่องราวมากมายจากผู้คนเหล่านี้ ไม่ซ้ำหน้าไม่ซ้ำเรื่อง หลากหลายรสชาติ วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งลองดูซิครับว่ามีเรื่องอะไรจากโต๊ะอาหารข้างๆ โต๊ะผม
ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆของสุภาพสตรีสองคนด้านหลังทางซ้ายมือ ผมชำเลืองมองดูก็เห็นสุภาพสตรีอายุราวๆ 25 ปี สองคนแต่งตัวในชุดทำงาน ดูเหมือนจะเป็นยูนิฟอร์มของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในย่านนั้น คนหนึ่ง ผมสั้น อีกคนผมยาว คนผมยาวนั่งลงก่อนแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า ใจเย็นๆ น่ายัย “น้อง” ทานไปคุยไปก็ละกันนะ น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงให้เห็นว่า เธอเอาใจใส่เพื่อนของเธอคนนี้มาก คนผมสั้นเอ่ยตอบว่า โอเค โอเคฉัน เชื่อเธอ “นิด” เพราะมีแต่เธอแหละ ที่ฉันกล้าคุยเรื่องในครอบครัวให้ฟัง สาวผมสั้นค่อยๆ บรรจงวางถาดอาหารลง เธอเริ่มต้นทานอาหารไปอย่างช้าๆ พร้อมๆกับเอ่ยปากเล่าเรื่องของเธอต่อไปว่า
ฉันละเซ็งคุณสามีของฉันเหลือเกิน หากฉันจะเอากระดาษมาเขียนคุณสมบัติยอดห่วยของสามีฉันละก้อ เธอเอ๋ย หน้ากระดาษหนึ่งคงไม่พอ กลับบ้านค่ำ แถมเอางานกลับมาอีก ไม่ชอบดูละคร ดูแต่เคเบิ้ลทีวี เวลาดูก็หมุนเปลี่ยนทุกช่อง ชอบทำบ้านให้รกไปหมด ไม่เคยให้ความสนใจดูแลฉันเลย โอ๊ยฉันละเบื่อ ทีกับลูกน้องตัวเองละก็ ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกอีก เฮ้อ
เธอถอนหายใจเสียงดัง หลังจากเล่าจบ เธอเอ่ยถามคู่หูคนสนิทต่อ “นิด” เธอแต่งงานมาตั้งห้าปีแล้วมากกว่าฉันตั้งสามปี ทำไมไม่เห็นบ่นเรื่องสามีของเธอเลย เธอคงมองโลกใน แง่ดีมากเลยนะ ฉันอิจฉาเธอจังเลย [ads]
advertisement
“นิด”สาวผมสั้นเอ่ยตอบว่า “น้อง”ฉันก็เคยเป็นอย่างเธอเหมือนกันเมื่อสองสามปีที่แล้ว วันหนึ่งฉันอัดอั้นมากจนทนไม่ไหว ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วระบายลงไปเลยว่า รายการความห่วยของสามีฉันเป็นอย่างไร เธอรู้ไหมว่า ฉันได้กี่ข้อ
“น้อง”รีบถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น กี่ข้อละ
“นิด”ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สามสิบหกข้อ เท่ากับขนาดเอวของสามีฉันเลยละ
“น้อง”กลั้นหัวเราะไม่อยู่ข้าวในปากกระเด็นออกมา โชคดีที่เธอทานคำไม่โต เธออุทานกลั้วเสียงหัวเราะว่า แหมเธอนี่ช่างเปรียบเทียบจริงๆนะ หึ..หึ..หึ
“นิด”เล่าต่อ เย็นวันนั้นฉันตั้งใจว่า กลับบ้านแล้วฉันจะส่งรายงานชิ้นเอกให้สามีของฉันดู เพียงแต่ว่าฉันต้องไปงานศพลุงของฉันก่อน พอเลิกงานฉันก็รีบรุดไปงานศพของลุงฉัน ซึ่งอายุเพิ่งห้าสิบเอง คุณป้าฉันก็อายุห้าสิบเหมือนกัน ลุงฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำ ซึ่งถือว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดมาก่อน ป้าฉันตกใจมาก เธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน ฉันสนิทกับป้าฉันคนนี้มากเป็นพิเศษ เมื่อฉันไปถึงงานศพ ฉันก็ไปนั่งคุยกับคุณป้า เมื่อไปถึง คุณป้าก็ซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ก็ดีใจที่พบหน้าฉัน เราสองคนนั่งคุยกันสักพัก คุณป้าก็หยิบกระดาษโน๊ตสองสามแผ่นออกมา แล้วก็ส่งให้ฉันดู ฉันรับมาดูแล้วก็นั่งอ่านในกระดาษนั้น มีข้อความดังต่อไปนี้
เธอบรรยายข้อความในกระดาษโน๊ตของป้าเธอต่อ
ถึงสามีที่รัก วันนี้ทั้งวันฉันนึกถึงเธอตลอด เวลายี่สิบสามปีที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันมักจะบ่นต่อว่าในข้อเสียของเธอมาตลอด จนกระทั่งถึงวันที่เธอจากไป เมื่อฉันมีโอกาสทบทวนดูชีวิตคู่ของเรา ฉันพบว่าฉันได้มองข้ามสิ่งดีๆของเธอไปมากมาย
“นิด”เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเอ่ยต่อว่า [ads]
ในกระดาษโน๊ตนั้น คุณป้าของฉันบรรยายคุณความดีของลุงไว้นับร้อยข้อ พอฉันอ่านจบ น้ำตาของฉันก็นองหน้า ป้าฉันเอ่ยกับฉันว่า ป้ารู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้เป็นผู้บอกสิ่งดีๆเหล่านี้ ในระหว่างที่คุณลุงของหนูยังมีชีวิตอยู่ หลานอย่าทำพลาดแบบป้าอีกคนละ
ฉันนั่งฟังอยู่แล้วคิดตามไปว่า มีคนจำนวนมากที่เมื่อคนรักของตนจากไปแล้ว ค่อยบันทึกคุณความดีของผู้จากไปลงที่หลุมฝังศพ หรือ จัดพิมพ์เป็นเอกสารอย่างดี แต่ว่าผู้จากไปกลับไม่มีโอกาสอ่าน ซึ่งขณะที่เขามีชีวิตอยู่ กลับได้ยินแต่สิ่งที่เป็นข้อบกพร่องของเขา คิดได้อย่างนั้น ฉันรีบดึงเอาลิสต์รายการของสามีฉันออกมา แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลิกงานศพแล้วฉันรีบกลับบ้านทันที พอเจอหน้า สามีฉันก็กระโดดกอดเขาเลย เสร็จแล้วฉันก็ถือโอกาสสาธยายคุณความดีทั้งหลายของเขาว่ามีอะไรบ้าง สามีฉันมีสีหน้าแปลกใจเล็กๆ แต่ว่าท่าทีเขาดูอ่อนโยนมากขึ้น และเอื้ออาทรกับฉันขึ้นมาทันที ฉันเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อเขามาก
หากเรารักใครแล้วเราบอกสิ่งที่ดีของเขาให้เขาได้ยิน เขาก็จะรักเราตอบและบอกสิ่งที่ดีตอบกลับมา สามีฉันก็เผยความในใจถึงข้อดีของฉันอีกมากมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลิกคิดถึงรายการจุดอ่อนของคนที่เรารัก ฉันคิดว่าเราควรจะรักเขา อย่างที่เขาเป็นแหละ อย่าไปหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แตกต่างกับเราเลย
ความรักที่แท้จริงก็ไม่ต่างไปจากความรักที่ปราศจากเงื่อนไข คือ การที่เรารักเขาแล้วไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไร จงรักเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วจับจ้องในสิ่งที่ดีของเขาและยอมรับว่าไม่มีใครที่ดีสมบูรณ์แบบ เราก็จะมีความสุข เขาก็จะมีความสุข
“นิด”เล่าจบด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ “น้อง” ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ นัยน์ตาเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ ในมือเธอกำแน่นด้วยเศษกระดาษลิสต์รายการที่บัดนี้ถูกเธอ ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย อยู่ๆ “น้อง”เอ่ยขึ้นว่า ขอบใจมากจ๊ะ“นิด” ฉันว่าเรารีบกลับออฟฟิศเถอะ ฉันอยากโทรหาสามีของฉันหน่อย มีข้อดีของเขาอีกมากที่ฉันควรจะบอกเขา แล้วคุณละครับเคยมองสิ่งดีๆ ของคนที่อยู่เคียงข้างคุณบ้างหรือเปล่า?
ขอขอบคุณที่มาจาก : love4home.com