ชะเอมเทศ..เป็นยาดี แก้ไอ ช่วยขับเสมหะ !
advertisement
โรคไข้หวัดเป็นโรคที่พบได้ทุกฤดูกาลเลยทีเดียวนะคะ หากว่าเราเป็นหวัดอาการไข้หวัดก็มักมาพร้อมกับอาการอ่อนเพลีย ไอ มีน้ำมูกมีเสมหะใช่มั้ยคะ และก็ต้องรีบไปพบแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกรเพื่อรับยามารักษาอาการป่วยให้หายโดยเร็วที่สุด เพื่อหยุดอาการและการแพร่กระจายของเชื้อโรคไข้หวัดนั้น ในสมัยก่อนไม่มียาเช่นปัจจุบัน ต้องเลือกหาสมุนไพรมารักษา และวันนี้ Kaijeaw.com จะขอพูดถึง “ชะเอมเทศ” เป็นตัวยาที่หมอชาวบ้านจะนำไปเข้าในตำรับยาแก้ไอ เนื่องด้วยมีสรรพคุณในการดึงเสมหะและขับเสมหะได้ดี จึงช่วยลดอาการไอและระคายคอ หายใจได้ดีขึ้นในเวลาที่เป็นหวัด ได้ผลดีทีเดียวค่ะ ปัจจุบันก็มีการนำมาใช้เป็นยาสามัญประจำบ้าน ยาสมุนไพรอีกด้วย เรามารู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ
ชื่อสามัญ : Licorice, Chinese licorice, Russian licorice, Spanish licorice ชื่อวิทยาศาสตร์ : Glycyrrhiza glabra L. วงศ์ : ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE) ชื่อเรียกอื่นๆ ตามท้องถิ่น : กำเช่า กำเช้า (จีน-แต้จิ๋ว), กันเฉ่า (จีนกลาง), ชะเอมจีน เป็นต้น ถิ่นกำเนิด : ในประเทศจีน
ลักษณะสมุนไพร
ต้น : ชะเอมเทศเป็นไม้พุ่มล้มลุกที่มีอายุนานหลายปี มีลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นและก้านใบมีขนปกคลุม บางครั้งหยาบ
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับกัน มีใบย่อยประมาณ 9-17 ใบ ใบเป็นสีเขียวอมเหลือง ส่วนก้านใบย่อยจะสั้นมาก ใบเป็นรูปขอบขนานถึงรูปไข่แกมรูปรี ปลายทู่
[ads]
ดอก : ช่อดอกยืดยาว ดอกออกเป็นช่อเรียงหลวมๆ มีต่อม กลีบดอกเป็นสีน้ำเงินอ่อนถึงสีม่วง มีความยาวได้ถึง 12 มิลลิเมตร ส่วนก้านดอกสั้นมาก
ผล : มีลักษณะเป็นฝักแบนคล้ายถั่ว รูปขอบขนาน มีลักษณะตรงและมีความยาวได้ถึง 3 เซนติเมตร ผิวภายนอกมีลักษณะเรียบเกลี้ยงหรือมีขนแข็ง ฝักอ่อนจะมีสีเขียวเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแตกออกเมล็ดมีลักษณะกลมสีน้ำตาลแก่
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : ราก, เปลือกต้น, ใบ, ดอก และ ผล
สรรพคุณทางยา :
ราก – บำรุงปอด ขับเลือดที่เน่าในท้อง รักษาพิษยาหรือพืชพิษต่างๆ รักษาอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คร่ำเครียดกับการทำงานหนัก ปวดท้อง ไอเป็นไข้ สงบประสาท รักษาอาการเจ็บคอ รักษาแผลเรื้อรัง รักษาระบบการย่อยอาหารไม่ดี หรืออาหารเป็นพิษ และรักษากำเดาให้เป็นปกติ
เปลือกต้น – ยาบำรุงกำลัง ช่วยให้คลื่นเหียนอาเจียน
ใบ – ช่วยให้เสมหะแห้ง ยารักษาดีพิการ
ดอก – รักษาอาการคัน และรักษาพิษฝีดาษ
ผล – ยาบำรุงกำลัง บรรเทาอาการคอแห้ง ทำให้ชุ่มชื้น
ชะเอมเทศช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากรากชะเอมเทศมีสาระสำคัญอย่าง กลีเซอไรซิน (Glycyrrhizin) และสารเคมีอื่นๆ อีกหลายร้อยชนิด เช่น ไฟโตเอสโตรเจน และฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
วิธีการใช้ :
1) นำรากมาต้มเอาน้ำ ดื่มรับประทาน ช่วยบำรุงปอด ขับเลือดที่เน่าในท้อง รักษาพิษยาหรือพืชพิษต่างๆ รักษาอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ตรากตรำทำงานหนัก ปวดท้อง ไอเป็นไข้ สงบอารมณ์และประสาท รักษาอาการเจ็บคอ รักษาแผลเรื้อรัง รักษาระบบการย่อยอาหารไม่ดี หรืออาหารเป็นพิษ และรักษากำเดาให้เป็นปกติ
2) นำเปลือกต้นมาต้มเอาน้ำ ดื่มรับประทาน เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยให้คลื่นเหียนอาเจียน
3) นำใบสดมาต้มเอาน้ำ ดื่มรับประทาน ช่วยให้เสมหะแห้ง ยารักษาดีพิการ
4) นำดอกมาตำแล้วทาบริเวณคัน หรือ ต้มดื่มรับประทาน รักษาอาการคัน และรักษาพิษฝีดาษ
5) นำผลสดมารับประทาน หรือ ผลแห้งต้มกับน้ำ ดื่มรับประทานทำให้ชุ่มชื้น ยาบำรุงกำลัง บรรเทาอาการคอแห้ง
[yengo]
ป้องกันมะเร็งผิวหนัง
มีงายวิจัย พบว่าสารที่สำคัญที่อยู่ในชะเอมเทศ คือ “ไกลเซอไรซิน” ซึ่งให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 50-100 เท่า และกรดกลีเซอเรตินิคซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในไขกระดูกชนิด Oberling-Guerin ที่ได้เพาะเลี้ยงในไขกระดูกของหนูใหญ่สีขาว นอกจากนี้สำนักงานวิจัยโรคมะเร็งของอังกฤษ ระบุว่า ชะเอมเทศสามารถป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ สอดคล้องกับสถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติในสหรัฐพบว่าสารสกัดจากชะเอมเทศช่วยป้องกันการทำลายของรังสียูวีและลดผลกระทบจากแดดเผาได้
ประเทศจีน ชะเอมเทศได้รับการขนานนามว่าเป็น “ยอดสมุนไพรขจัดพิษ” ถูกจัดอยู่ในลำดับต้นๆ ของสมุนไพรที่ช่วยขจัดสารพิษได้ การรับประทานเป็นประจำในปริมาณน้อยๆ จะช่วยกำจัดพิษที่สะสมในร่างกายให้ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษที่สะสมในเลือดและตับ
ประเทศญี่ปุ่น มีการศึกษาทางคลินิก พบว่ารากชะเอมเทศช่วยลดระดับเอนไซม์ตับ ทำให้เซลล์ตับดีขึ้น รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ และรักษาการอักเสบได้ทุกประเภท
สหรัฐอเมริกา นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ได้พบสารประกอบ 2 ชนิด ในสารสกัดจากรากชะเอมเทศ มีสรรพคุณป้องกันแบคทีเรียและตัวการอื่นที่ทำให้ฟันผุ ขณะที่สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติในสหรัฐ พบว่าสารสกัดจากชะเอมเทศช่วยป้องกันการทำลายของรังสียูวี สามารถลดผลกระทบจากแดดเผาได้ เนื่องจากทำปฏิกิริยาเสมือนสารต้านอาการอักเสบ
ผลข้างเคียงจากการใช้ชะเอมเทศ ในกรณีที่สามารถรักษาเบาจืดช่วยชะลอการขับปัสสาวะ จะทำให้ร่างกายเก็บน้ำในร่างกายมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อการขับโปแตสเซียมและโซเดียมออกจากร่างกาย จึงทำให้มีภาวะความดันโลหิตสูงเกิดขึ้น จึงต้องระวังในการใช้กรณีที่ใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรชะเอมเทศ
– การรับประทานผลิตภัณฑ์หรือมีส่วนผสมจากชะเอมเทศติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลทำให้ความดันโลหิตสูง (190 – 200/120 มม.ปรอท) อีกทั้งยังมีอาการปวดหัว อ่อนแรงตามข้อต่อ และส่งผลทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำลง ดังนั้นผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่มีภาวะของโพแทสเซียมต่ำ ไม่ควรใช้ชะเอมเทศในขนาดที่เกิดกว่า 50 กรัมต่อวัน ต่อเนื่องนานเกินกว่า 6 สัปดาห์ เพราะอาจจะส่งผลทำให้เกิดการสะสมน้ำในร่างกาย เกิดอาการบวมที่มือและเท้า และไม่ควรใช้ชะเอมเทศร่วมกับยาขับปัสสาวะ (กลุ่ม Thiazide)หรือยากลุ่ม Cardiac glycosides เนื่องจากชะเอมเทศจะส่งผลทำให้สารโพแทสเซียมถูกขับออกมามากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการใช้ชะเอมเทศร่วมกับยาขับปัสสาวะ Spironolactone หรือ Amiloride เพราะจะทำให้ประสิทธิผลของการรักษาโรคความดันโลหิตลดน้อยลง
– ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตบกพร่องเรื้อรัง รวมไปถึงสตรีมีครรภ์อีกด้วยที่ไม่ควรใช้สมุนไพรชะเอมเทศ
– ชะเอมเทศมีพิษน้อย แต่การรับประทานติดต่ออย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและมีอาการบวมเกิดขึ้นตามมาได้
ดังนั้นหากว่าคุณมีอาการของไข้หวัด เจ็บคอ ไอและมีเสมหะ สมุนไพรชะเอมเทศจึงนับเป็นทางเลือกที่ดีในการรักษาอาการนั้นได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือปลอดภัยจากสารเคมีของยาปฏิชีวนะอื่นๆ โดยในปัจจุบันการแพทย์มีการนำเอาชะเอมเทศมาสกัดเป็นยาแก้ไอขับเสมหะ และจัดอยู่ในยาสมุนไพร ยาสามัญประจำบ้าน อย่างได้ผลดีมากเลยทีเดียวค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com