ซื้อตู้เย็น อย่างไรให้คุ้มค่า ใช้งานได้ยาวนาน!!
advertisement
อุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็น “ตู้เย็น” ค่ะ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องการตู้เย็น แล้วต้องไปเลือกซื้อตู้เย็น ก่อนตัดสินใจเลือกตู้เย็นสักหลังนั้น ต้องตรวจดูให้รอบถึงเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่าก่อนนะคะ ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกแบบ สีที่สวยๆ หรือยี่ห้อดีๆ ราคาแพงๆ เท่านั้น เพื่อการใช้งานที่เต็มประสิทธิภาพ จะได้ไม่มีปัญหากวนใจในภายหลัง Kaijeaw.com จึงมีข้อควรรู้ในการเลือกซื้อตู้เย็นมาฝากกันค่ะ
1. มีฉลากประหยัดไฟ
โดยฉลากนี้จะเป็นสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่ที่ตู้เย็น ออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองคุณภาพ โดยฉลากประหยัดไฟนั้น กำหนดเป็นตัวเลขตั้งแต่เลข 1-5 เลข 1 หมายถึงได้คะแนนประสิทธิภาพต่ำสุด และเลข 5 หมายถึงได้คะแนนประสิทธิภาพสูงสุด
advertisement
2. พิจารณาความจุและขนาดที่พอดี
พิจารณาตามจำนวนคนและพฤติกรรมการใช้งาน เช่น 2-3 คน ควรใช้ขนาด 6-10 คิว, 4-5 คน ควรใช้ขนาด 10-15 คิว หรือ 6 คนขึ้นไป ควรเลือกใช้ที่ขนาดไม่ต่ำกว่า 15 คิว ในส่วนของขนาดนั้นก็ควรที่จะวัดขนาดของพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น กว้างxลึกxสูง ประกอบด้วย รวมถึงความกว้างประตู บันได เพื่อตอนขนย้ายจะได้ไม่ติดปัญหา [ads]
3. ราคาที่คุ้มค่า
ราคาจะทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น หากมีการตั้งงบไว้แต่แรก โดยคำนวณราคากับอายุการใช้งานของแต่ละรุ่นที่เราเลือก เปรียบเทียบตัดสินใจว่ารุ่นไหนมีค่าใช้จ่ายต่ำสุด
4. ระบบของตู้เย็น
แต่ส่วนที่ทำให้ตู้เย็นแต่ละรุ่นต่างกันหลักๆ ก็คือช่องแช่แข็ง หากต้องการช่องแข็งที่แช่ไอศรีมได้เหมือนถนอมอาหารให้สดนานๆ ก็ต้องเลือกตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็งอยู่ที่อุณหภูมิ -18 องศาครับ ค่าไฟก็จะมากขึ้นมาอีกนิด แต่หากไม่ได้กังวลเรื่องไอศรีมก็สามารถใช้ตู้เย็นที่มีช่องแช่แข็งมีอุณภูมิที่ -12 องศาได้ และประหยัดได้กว่า
5. การระรายน้ำแข็งของตู้เย็น
– แบบใช้มือกด พอน้ำแข็งในช่องแช่เข็งละลายก็นำไปเททิ้ง
– แบบกึ่งอัตโนมัติ คือเมื่อเห็นว่าน้ำแข็งเกาะช่องฟิตก็ทำการกดจากด้านในน้ำส่วนหนึ่งจะไหลลงไปที่ด้านหลังคอมเพรสเซอร์ จากนั้นก็จะระเหยไปเองเนื่องจากโดนความร้อน แต่ก็ยังคงต้องยกน้ำที่ละลายออกจากน้ำแข็งไปเทด้วยเช่นเคย
– ช่องแช่เข็งชนิดน้ำเข็งไม่เกาะ เป็นตู้เย็นประเภท 2 ประตู ประเภทนี้ไม่ต้องกดน้ำแข็งเอง เพราะไม่มีน้ำแข็งให้ละลาย
advertisement
6. ดีไซน์
เรื่องดีไซน์หรือรูปลักษณ์ภายนอกของเครื่องนั้น ควรเลือกที่มีสวยและใช้ได้นาน แบบดูไม่เชยเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ และไม่ลืมมองเรื่องความสะดวกในการใช้งาน เปิดปิดสะดวก มีช่องชั้นจัดเก็บของได้เป็นระบบระเบียบตามการใช้งาน [ads]
7. ควรพิจารณาวัสดุประกอบ
ตรวจดูเรื่องความหนาบางของพลาสติกภายในของตู้เย็นแต่ละยี่ห้อ เพราะบางยี่ห้อพลาสติกบางมาก บางยี่ห้อใช้วัสดุที่ดีกว่าพลาสติกคือเป็นพวกกระจกนิรภัยเป็นต้น
8. ตำแหน่งที่ตั้งตู้เย็น ต้องระบายความร้อนได้ดี
บริเวณที่ตั้งตู้เย็นนั้นไม่ควรทึบเกินไป ควรเว้นระยะห่างด้านหลังตู้เย็นกับผนังประมาณ 20 ซม. ด้านข้าง 20 ซม. ด้านบน 30 ซม. เพื่อให้มีระยะเปิดปิดและด้านหลังก็สามารถระบายความร้อนได้ดี
9. บริการหลังการขายและงานรับประกันสินค้า
เลือกที่มีบริการหลังการขาย มีบริการช่างซ่อมถึงบ้าน อย่างรวดเร็วทันใจ ยิ่งตู้เย็นขนาดใหญ่ ก็ควรมีการดูแลและบริการควรมีอายุยาวนานต้ังแต่ 5-10 ปี ทั้งอะไหล่ และคอมเพรสเซอร์ระบบทำความเย็น
advertisement
10. ตรวจสอบสภาพสินค้า ก่อนเซ็นต์รับ
เมื่อได้ตู้เย็นที่ต้องการแล้ว เมื่อทำการซื้อ ก่อนรับสินค้าต้องตรวจสอบสภาพโดยรอบ ว่าสมบูรณ์ดีไม่มีรอยบุบ ขูดขีด สายไฟอยุ่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ชำรุดฉีกขาด การเปิดปิดเงียบสนิท ประตูและยางขอบตู้แน่นสนิท เพื่อให้แน่ใจว่าตู้เย็นใหม่พร้อมใช้งาน
การเลือกซื้อตู้เย็นนั้นสำคัญมากๆ เลยนะคะ ควรใส่ใจในการเลือกอย่างรอบคอบ เพื่อจะได้ตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพ คุ้มราคา และประหยัดพลังงานค่าไฟ ให้คุณได้ใช้ตู้เย็นอย่างสะดวกสบายและสบายใจ ไร้ปัญหาการใช้งานตู้เย็นได้นานเท่านานค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com