ซื้อบ้านอย่างไรให้สบายใจ
advertisement
บ้าน คือ ที่อยู่อาศัยที่ให้ความรักความอบอุ่นใจแก่ผู้อยู่อาศัย เป็นศูนย์รวมของสมาชิกทุกคนในบ้าน เป็นที่สร้างความสมบูรณ์ของคำว่าครอบครัว การที่จะมีบ้านสักหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะในปัจจุบันราคาบ้านก็มีราคาที่สูงพอสมควร ยิ่งบ้านที่อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจหรือพื้นที่คมนาคมขนส่งที่สะดวกราคายิ่งสูง ฉะนั้นการตัดสินใจซื้อบ้านถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวเพราะเป็นของชิ้นใหญ่ต้องใช้เงินเยอะ และจะต้องมีภาระในการผ่อนชำระ การดำเนินการกู้สินเชื่อ การจัดการเรื่องเอกสารต่างๆอีกมากมาย เพราะคงมีน้อยคนนักที่จะซื้อบ้านเงินสดเนื่องจากบ้านมีราคาสูงนั้นเอง วันนี้ kaijeaw.com ได้นำเทคนิคในการซื้อบ้านอย่างไรให้สบายใจมาฝากสำหรับคนที่กำลังอยากซื้อบ้านค่ะ[ads]
1. เตรียมความพร้อมเรื่องเงิน
สิ่งแรกที่ต้องนึกถึงคือ เงินดาวน์ ที่ควรมีอย่างน้อย 10-20% ของราคาบ้าน เพราะธนาคารมักปล่อยกู้ประมาณ 80-90% ของมูลค่าบ้าน ดังนั้น ลองดูว่าบ้านที่ต้องการราคาเท่าไร มีเงินดาวน์บ้านเพียงพอหรือยัง หรือต้องเก็บออมเงินเพิ่มเติม และท่องไว้เลยว่า ยิ่งดาวน์มาก ก็ยิ่งดี เพราะจะช่วยลดดอกเบี้ยได้มหาศาล แถมช่วยให้มีโอกาสกู้บ้านผ่านแบบสบาย ๆ หายห่วงมากขึ้นด้วย
2. ดูทำเลที่ตั้งและรูปแบบบ้าน
เราต้องนึกว่า “ความปลอดภัย” เราคงไม่อยากอยู่บ้านที่ต้องคอยระแวงว่าจะมีใครมาทำร้ายเราหรือเข้ามาขโมยในบ้านเราหรือเปล่า ถ้าเราเลือกซื้อหมู่บ้านก็ควรดูระบบรักษาความปลอดภัยว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าเราปลูกบ้านเองก็แนะนำว่าให้ปลูกบ้านในที่ชุมชนเพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีโจรเข้ามาที่บ้านเรา แถวนั้นควรมีแสงสว่างเพียงพอเวลาที่เดินทางต้องไม่เป็นอันตราย รวมถึงระแวงใกล้เคียงก็ควรมีสถานที่สำคัญ
อย่างเช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น อีกประเด็นนึงก็คือบ้านเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์หรือแบบที่เราต้องการไหม
advertisement
3. ตรวจสอบกำลังการผ่อนของตัวเอง
เมื่อเตรียมพร้อมจะกู้แล้ว ควรรู้ว่าตัวเองมีความสามารถในการผ่อนแค่ไหน ถ้าให้ดีไม่ควรผ่อนเกิน 35-40% ของรายได้แต่ละเดือน เพราะถ้าเกินกว่านั้น อาจกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เกินตัว และกระทบฐานะทางการเงินของตัวเองหรือครอบครัวได้ ดังนั้น ต้องคิดให้ดีก่อนกู้
4. ตรวจสอบให้ดี
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่พลาดกันมากที่สุดและเป็นฝันร้ายมากที่สุด ก่อนเซ็นต์รับบ้านทุกครั้งแนะนำว่าควรพา “วิศวกร” ที่รับตรวจบ้านต่างๆ ว่าบ้านที่ได้รับมาตรงสเปคที่คุยกันไว้หรือไม่ บ้านของเรามีจุดไหนที่ต้องให้ช่างเก็บงานให้เราบ้าง รวมไปถึงเรื่องระบบ ระบบไฟต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเราได้บ้านที่สมบูรณ์ที่สุดและไม่มีตำหนิ ดังนั้นควรตรวจสอบบ้านให้ละเอียดเพราะหลังจากที่เราเซ็นต์เรียบร้อยโอกาสที่จะเรียกร้องได้ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ก็น่าจะสบายใจถ้าเราได้รับบ้านที่ถูกต้องและไม่มีปัญหาในภายหลัง[ads]
5. เตรียมเอกสารให้ครบ
เมื่อเลือกทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งบ้านที่ถูกใจ ดอกเบี้ยที่ใช่สำหรับตัวเอง ก็มาถึงขั้นตอนเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อ โดยทั่วไปเอกสารหลัก ๆ ที่ต้องใช้ในการกู้ซื้อบ้านคือ สลิปเงินเดือน และบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน สำหรับเจ้าของกิจการ จะใช้เป็นทะเบียนการค้า และบัญชีธนาคารที่มียอดหมุนเวียนย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
advertisement
6. สร้างภูมิคุ้มกันให้บ้าน
หลังจากกู้บ้านผ่านแล้ว อย่าลืมกันเงินรายได้เพื่อเป็นเงินผ่อนบ้านในแต่ละเดือน และขอแนะนำให้มีการเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ไม่คาดฝันด้วยการสร้างความคุ้มครองให้กับบ้านผ่านการทำประกัน เช่น “ประกันภาระหนี้สิน” เป็นประกันที่สร้างความอุ่นใจว่า ถ้าเราเกิดเสียชีวิต ภาระหนี้จะไม่ตกอยู่กับลูกหลานหรือครอบครัว “ประกันอัคคีภัยและประกันน้ำท่วม” เป็นประกันที่ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับบ้านที่เรารัก
จะเห็นว่าการที่จะมีบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่ก็ไม่ยากเกินไป เราต้องมีการวางแผนที่ดี เพราะบ้านเป็นของชิ้นใหญ่เมื่อเราตัดสินใจที่จะซื้อเราต้องดูถึงพร้อมของเราหลายๆด้าน และเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญสำหรับการมีบ้าน ฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเราต้องดูงบประมาณที่เรามีอยู่ว่ามีความสามารถที่จะผ่อนชำระแต่ละเดือนไหม จะได้ไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราเอง และต้องดูบ้านให้ละเอียดว่าตรงตามความต้องการที่เราต้องการ เพื่อที่จะไม่มีปัญหากวนใจตามมาทีหลังค่ะ
เรียบเรียงโดย: Kaijeaw.com