ตาแพ้แสง..ป้องกันและรักษาได้อย่างไร?

advertisement
เมื่อเวลามองแสงแล้วมีอาการแสบตา เคืองตา ปวดตา นั่นอาจเป็นอาการตาแพ้แสง แม้ว่าอาการจะไม่รุนแรงมาก จนต้องไปหาหมอ แต่ก็สร้างความรำคาญและหงุดหงิดในชีวิตประจำวันได้ไม่มากก็น้อย สาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยมากจะพบในผู้สูงวัย หรือผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป ผู้ทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และการสัมผัสกับมลภาวะต่างๆ ใครที่กำลังสงสัยว่าตนเองตาแพ้แสง จะมีวิธีป้องกัน และรักษาได้อย่างไร Kaijeaw.com มีคำตอบคะ
advertisement

อาการตาแพ้แสง
เป็นอาการผิดปกติทางตาด้วยอาการแสบตา เคืองตา ปวดตา เวลาตามองแสงที่มีความสว่างในขนาดที่คนปกติไม่รู้สึกอะไร ซึ่งอาจเป็นอาการของโรคหลายโรค ได้แก่ โรคทางสมอง เช่น เนื้อสมองหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปวดศีรษะไมเกรน หรืออื่นๆ ได้
ปัญหาตาแพ้แสงเกิดจากความผิดปกติทางตา
อาการแพ้แสงมักเกิดจากความผิดปกติ หรือมีโรคตาส่วนหน้า ซึ่งประกอบด้วย ผิวตาส่วนหน้า กระจกตา ตาขาว ช่องหน้าตา ม่านตา มีทั้งที่เป็นการอักเสบเล็กๆ รักษาหรือแก้ไขได้ง่ายๆ มักไม่มีผลต่อสายตาแต่อาจก่อความรำคาญเล็กน้อย ไปจนถึงการอักเสบของเนื้อเยื่อที่สำคัญภายใน หากรักษาช้าหรือไม่ถูกต้องอาจทำให้ตาบอดได้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ตาแห้ง ได้แก่
1) ตาแห้ง เป็นความผิดปกติของน้ำตาและผิวหน้าดวงตา ส่งผลให้ความคงตัวของน้ำตาผิดปกติ ความเข้มข้นของน้ำตาเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวตาถูกทำลาย เกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ การใช้เลนส์สัมผัสหรือคอมแทคเลนส์นาน จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โรคของเปลือกตา ต่อมไมโบเมียนทำงานผิดปกติ อยู่ในที่มีความชื้นต่ำ (ในห้องแอร์) ลมแรง สูบบุหรี่ หรือแม้แต่การรับประทานยาบางตัว เช่น ยารักษาสิว ยาแก้แพ้ ตลอดจนยาหยอดตาที่มีสารกันเสีย หากมีอาการแพ้แสงจากภาวะตาแห้ง คงต้องหลีกเลี่ยงหรือรักษาที่ต้นเหตุ และสามารถใช้น้ำตาเทียมช่วย[ads]
2) ความผิดปกติของกระจกตา กระจกตาหรือตาดำคนเราอยู่ส่วนหน้าสุด มีเส้นประสาทมาเลี้ยงมาก จึงไวต่อความรู้สึกมาก ความผิดปกติเพียงเล็กน้อยจะก่อให้เกิดอาการเจ็บ ระคายเคือง และแพ้แสงได้มาก ความผิดปกติของกระจกตาที่เป็นสาเหตุของตาแพ้แสง มีดังนี้
– ผิวกระจกตาถลอก เป็นการหลุดลอกของผิวกระจกตาที่บางมาก มักเกิดจากอุบัติเหตุถูกกิ่งไม้หรือใบไม้บาดตา หรือเศษผงเข้าตาแล้วเผลอขยี้ตา การถอดคอนแทคเลนส์ที่ผิดพลาด สารเคมีเข้าตาภาวะนี้ก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก และตาแพ้แสงอย่างรุนแรง
– แผลจุดเล็กๆ ที่ผิวกระจกตา อาจเกิดจากรังสียูวี พบในช่างอ๊อกเหล็กที่ไม่สวมแว่นกันแสง มีการติดเชื้อไวรัส และอื่นๆ
– สิ่งแปลกปลอม เศษผงติดบนกระจกตา
– การอักเสบติดเชื้อของกระจกตา
– กระจกตาบวมจากสาเหตุต่างๆ เช่น โรคต้อหินเฉียบพลัน การใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไปทำให้กระจกตาขาดออกซิเจน สารเคมีเข้าตา เป็นต้น
advertisement

3) ม่านตาอักเสบ ม่านตาอักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อ จากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันของร่างกายอุบัติเหตุ และหลายคนมีการอักเสบร่วมกับโรคทางกายตลอดจนที่หาสาเหตุไม่พบก็มี ม่านตาอักเสบเป็นภาวะที่อันตราย จนกระทั่งตาบอดได้ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย
4) ความผิดปกติทางตาอื่นๆ
– เปลือกตาขาวอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ
– ในบางกรณีก็ไม่ทราบสาเหตุ มักมีอาการร่วมกับข้ออักเสบ แต่พบไม่บ่อยนัก
– ความผิดปกติทางตาที่มักมีอาการปวดและตาแพ้แสงร่วมด้วย
– เยื่อบุตาอักเสบ ส่วนมากก่อให้เกิดตาแดง มีขี้ตา ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย โดยเฉพาะรายที่มีการอักเสบกินเข้าไปขอบตาดำ เลือดออกในช่องหน้าตา
– เกิดจากอุบัติเหตุหรือมีความผิดปกติภายในดวงตา ที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดใหม่ มักจะร่วมกับการอักเสบภายในช่องหน้าตา จึงมักจะมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย
– เป็นต้อลม ต้อเนื้อ การอักเสบของต้อลมและต้อเนื้ออาจทำให้เกิดการแพ้แสงได้ในบางราย ต้อหินเฉียบพลัน อาการหลักๆ คือ ตามัว ปวดตา และมักจะมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย
วิธีปฏิบัติเมื่อรู้สึกว่าตาแพ้แสง
1) หลีกเลี่ยงที่ๆ มีแสงจ้า และป้องกันสายตาจากแสง สังเกตว่าอาการมากน้อยเพียงใด เช่น อยู่ในที่แสงจ้ามากถึงมีอาการ อย่างนี้คงเป็นภาวะปกติ ใช้วิธีหลีกเลี่ยงจากบริเวณนั้น หรือใช้แว่นกรองแสงหรือแว่นกันแดดช่วย
advertisement

2) การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรมีการหยุดพักเป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายและตาเกิดการเมื่อยล้า การกระพริบตาบ่อย ๆ จะช่วยหล่อลื่นดวงตา ไม่ทำเกิดอาการตาแห้ง ถ้ายังไม่ดีขึ้นอาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตาเป็นครั้งคราว ในผู้ที่มีสายตาผิดปกติควรใช้แว่นสายตาที่เหมาะสม จะช่วยให้สบายตาขึ้นลดอาการปวดเมื่อยตา
3) หากอาการตาสู้แสงไม่ได้ มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีตาแดง ขี้ตา น้ำตาไหล ตลอดจนมีคนใกล้เคียงเป็นก่อน อาจเป็นตาแดง โดยเป็นการติดเชื้อไวรัสที่เยื่อบุตา ควรรีบไปพบแพทย์ หรือถ้าไม่สะดวกอาจซื้อยาหยอดตาฆ่าเชื้อโดยสอบถามจากเภสัชกร
4) หากมีอาการอื่นร่วมกับตาแพ้แสง เช่น ปวดตา ตามัว ถือเป็ภาวะแพ้แสงที่อันตราย มักจะมีโรคที่ร้ายแรง สมควรปรึกษาแพทย์ทันที
5) อุปกรณ์ป้องกันสายตา การใช้แว่นกรองแสงหรือแว่นกันแดดแม้จะเป็นรักษาที่ปลายเหตุ ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยที่ดี แต่เมื่อมีแสงจ้าเข้าตา สามารถลดแสงโดยใช้แว่นกรองแสง ขณะเดียวกันควรไปรับการตรวจว่ามีความผิดปกติหรือมีโรคตาอะไรเป็นเหตุ การรักษาต้นเหตุทำให้อาการหายขาดได้
บำรุงรักษาดวงตาด้วยสารอาหารวิตามิน
advertisement

1) วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับคนที่มีปัญหาตาแพ้แสง ด้วยวิตามินเอ มีผลต่อเซลล์จอตา ในการแปรสภาพของพลังงานแสงที่ได้รับให้มีผลน้อยลง และยังช่วยลดอาการเสื่อมของประสาทตาให้น้อยลงอีกด้วย พบมากในอาหารจำพวก ตับ ไข่แดง นม น้ำมันสกัดจากตับปลา พืชต่างๆ ที่มีส่วนประกอบของแคโรทีน ที่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ อย่าง ผักใบเขียวจัด สีแสด สีแดง สีเหลือง เป็นต้น[ads]
2) วิตามินซี ดีต่อดวงตา วิตามินซีช่วยในการป้องกันการเกิดต้อกระจก อีกทั้งยังมีความเกี่ยวพันอย่างมากในการสร้างคอลาเจล ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีความสำคัญในการก่อตัวของโครงสร้างอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในตาขาว การทานวิตามินซีเป็นประจำทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม จึงสามารถ่วยบำรุง แก้ไข สภาวะ แก้ปวดตา ได้เป็นอย่างดี
3) วิตามินดี เป็นวิตามินที่จะได้รับมาก็ต่อเมื่อร่างกายเกิดการสัมผัสกับแสงแดดเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาทั่วโลก ยังเชื่อว่า วิตามินดี มีส่วนเกี่ยวพันอย่างมาก ในการช่วยดูแล บำรุง ป้องกัน ไม่ให้เกิดโรคทางสายตาอีกมากมายหลายชนิดเลยทีเดียว วิตามินดีสามารถได้รับจากแสงแดด แนะนำเป็นแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าและตอนเย็น
4) ลูทีนและซีแซนทีน เป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ช่วยในการดูแลปกป้องดวงตา สามารถพบได้ใน ผลไม้และผักต่างๆ แหล่งอาหารที่ให้ลูทีนและซีแซนทีนที่ดีที่สุด คือ ฟักข้าวและผักใบเขียว เช่น ผักคะน้าจะมีลูทีนในปริมาณ 4.8 – 13.4 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักผักสด 100 กรัม และผักโขม จะมีลูทีน 6.5 – 13.0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักผักสด 100 กรัม นอกจากนั้นก็พบได้ในปริมาณไม่สูงในไข่แดง แม้พบอยู่ในไข่แดงในปริมาณน้อย แต่ลูทีนในไข่แดงก็เป็นชนิดที่สามารถถูกนำไปใช้ได้ดี (highly available)
วิธีปฏิบัติเมื่อรู้สึกว่าตาแพ้แสงข้างต้นที่เราได้แนะนำกันนั้น ยังเป็นวิธีการป้องกันตาแพ้แสงได้เป็นอย่างดีด้วยนะคะ ทั้งนี้หากว่าใครที่เริ่มมีอาการตาแพ้แสงแล้วล่ะก็ ไม่ลืมนำคำแนะนำนี้ไปใช้กันนะ อีกอย่างก็อย่าลืมดูแลบำรุงสุขภาพสายตาด้วยสารอาหารวิตามินที่ดีต่อสายตากันด้วย เพื่อดวงตาที่มีสุขภาพที่ดี ปลอดภัยจากโรคด้านดวงตาประเภทต่างๆ ได้ค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com