เคยไหม!? เวลาทะเลาะกัน จากเรื่องไม่เป็นเรื่องจนบานปลาย หนักเข้าถึงขั้นเลิกกัน ลองอ่านเรื่องนี้..แล้วจะเข้าใจ!!
advertisement
ความไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อ แม่ หรือแม้แต่แฟน ก็อาจจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันทำให้ทะเลาะจนเกิดความบานปลายไปจนได้ งั้นลองมาอ่านเรื่องนี้กันดูนะคะ คุณ le temps สมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ได้เขียนถึงเรื่องนี้พร้อมกับระบุว่า…
ในวันที่ทะเลาะกัน หรือคิดจะเลิกกัน ลองเข้ามาอ่านดูนะ
..คุณเคยยืนทะเลาะกับแฟนก่อนเข้าโรงหนัง
แล้วจบลงด้วยต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
แทนที่จะได้ดูหนังกันดีๆบ้างมั๊ย ?
คุณเคยพยยายามที่จะบอกกับแฟนคุณว่าคุณรู้สึกยังไง
แล้วพูดยังไงเขาก็ไม่เข้าใจกลับขึ้นเสียงกันไปใหญ่
จบลงที่ต่างคนต่างกระแทกหูโทรศัพท์กันไป
แล้วคุณก็กลับไปนอนร้องไห้บ้างมั๊ย?
advertisement
คุณเคยทะเลาะเรื่องหนึ่งกับแฟน
แต่สุดท้ายเขากลับขุดทุกสิ่งทุกอย่างอีกร้อยแปดพันเรื่องขึ้นมา
จบลงเรื่องที่ทะเลาะกลับกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลยบ้างไหม ?
คุณเคยทะเลาะกับแฟนลั่นบ้าน
จบลงด้วยประโยคว่า "เลิกกันไปเลยดีกว่า" มั๊ย ?
คุณเคยไปต่างจังหวัดกับแฟน
ทะเลาะกันใหญ่โต คุณน้อยใจสารพัด [ads]
จบลงด้วย คุณเก็บกระเป๋าจับรถกลับทันทีมั๊ย ?
เคยมั๊ย .. ทั้งที่รักกันอยู่แต่ทำไมรู้สึก โหวงๆ.. อึดอัด..
บางคน.. แทบจะทะเลาะกัน.. ทุกวินาที..
ถ้าไม่รู้จักปรับเข้าหากัน.. สุดท้ายก็ต้องเลิกกันไปในที่สุด..
เวลาเจอคนดีๆสักคนก้าวเข้ามาในชีวิต..
คุณก็คงแอบฝัน.. ไว้เหมือนกัน
ขอให้เรากับเขารักกันไปนานๆ..
จะกี่เดือนกี่ปีผ่านไปไม่รู้แต่รักของเราจะยังเหมือนเดิม..
แน่ล่ะ.. มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก..
แต่ก็ไม่ได้ยากซะจนเป็นจริงไม่ได้
แค่เรารู้จักดูแลความรักดีๆ..
คุณก็จะมีความสุขกับความรักที่เป็นอยู่มากขึ้น
ยอมรับ.. ในความแตกต่าง
คนเราไม่มีใครคิดเหมือนกันได้ทุกอย่าง..
ในความเหมือนก็ต้องมีความแตกต่าง
เขาอาจคิดไม่เหมือนเรา เป็นเพราะเขามีลักษณะแตกต่างกัน
บางคนใช้ความคิดเป็นหลัก บางคนใช้ความรู้สึกตัดสิน
บางคนใช่สัญชาตญาน เพราะฉะนั้นทุกคนมีความแตกต่างกัน
เราต้องรู้จักเรียนรู้และยอมรับ ความแตกต่างตรงนี้ให้ได้
โดยเฉพาะยอมรับข้อเสียของกันและกันได้
ถ้าเรายอมรับได้เรื่องร้ายๆก็ไม่เกิด
เพราะจริงๆแล้วคนเราไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว
อย่าคาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนให้เราได้
ไม่งั้นจะทำให้เราเสียใจ ทุกข์ใจเสียเปล่า
ความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เพราะทั้งสองคนมาจากต่างครอบครัวถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน
แล้วถ้าเราเข้าใจเขา เขาเข้าใจเราก็ทำให้เราไม่ทะเลาะกัน
บางครั้งอาจจะมีเรื่องให้เราเซอร์ไพรส์ทั้งดีและร้าย
แต่ถ้าเรารู้ว่าทำไมเขาทำแบบนี้เป็นแบบนี้เพราะอะไร
รู้ที่มาที่ไปของพฤติกรรมของเขา เราก็จะไม่โกรธ..
และในขณะเดียวกันเขาเองก็ควรจะเข้าใจตัวเราให้มากๆด้วย
ต้องเป็นความเข้าใจที่เกิดจากคนสองคน
ต้องรู้จักสังคมของเขา และให้เขารู้จักสังคมของเรา
โดยเฉพาะคนสนิทที่อยู่แวดล้อมกัน
ไม่ว่าจะเป็นสังคมเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ควรทำความรู้จักไว้
ต่างคนต่างจะได้รู้ว่าสังคมของกันเป็นอย่างไง
ถ้าเราไม่สนใจเลย เราไม่รู้จักเพื่อนเขา
อาจทำให้ความรู้สึกระหว่างกันมันขาดๆหายๆไป
เวลาคุยกันเรื่องเพื่อนก็มักจะต่อกันไม่ค่อยติด
เวลาเขาไปไหนกับเพื่อนก็ไม่อยากให้เราไปด้วย
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องติดตามกันไปทุกครั้ง ไม่งั้นจะทำให้เขาอึดอัดแทน
พอคบกันไปได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็จะเริ่มอยากกลับไปเจอเพื่อน
ไม่ใช่ว่ารักคุณน้อยลง ยังซื่อสัตย์ ยังเป็นห่วงอยู่
แต่บางที เวลาอยู่ด้วยกันเยอะเกินไป เราไม่รู้จะทำอะไร
แล้วเราก็อยากกลับไปใช้ชีวิตอีกแบบบ้าง
เวลาที่เขาอยู่กับเพื่อนมันมีอีกแง่มุมนึงที่ไม่เหมือนอยู่กับคุณ
แล้วเวลาอยู่กับคุณก็ไม่เหมือนมุมที่อยู่กับเพื่อน
ทั้งสองมุมแทนกันไม่ได้ เขาจะมีเส้นแบ่งตรงนี้อยู่ คุณเองก็ควรมีเหมือนกัน
เพราะเวลาที่อยู่กับเพื่อน เราจะเป็นธรรมชายติมากๆ
บางเรื่องคุยกับเพื่อนแล้วเข้าใจได้มากกว่า
อย่าไปน้อยใจเลยเวลาที่… เขาอยู่กับเพื่อน
แต่ละคนต้องมีอิสระระหว่างกัน… ต่างฝ่ายต่างต้องมีสเปซส่วนตัว
เพราะคนเรามีความสนใจหลากหลาย
ถ้าเราไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระเวลาอยู่กันไปนานๆ
ก็จะทำให้ชีวิตเริ่มเบื่อ เซ็ง และอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ
เราต้องรู้จักหาความพึงพอใจในชีวิตของตัวเองด้วย
อย่าไปคาดหวังว่าอีกคนบจะมาเติมเต็มส่วนที่ขาดให้กับเรา
คิดแค่ว่าเรามีเขาอีกคนเป็นเพื่อน เพื่อนที่รักกัน ดูแลกันก็พอแล้ว
อย่างอื่นถ้าเราอยากได้ อยากเป็นอะไร
ก็ต้องหาเอง ไม่งั้นเราก็จะคาดหวัง และอาจทำให้เราเสียใจ
เริ่มต้นจากตัวเองก่อน.. มองเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง
และยอมรับข้อบกพร่องของตัวเราเอง
ต้องรู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน
ถ้าเราเป็นหงุดหงิดง่าย บางครั้งถ้าเขาทำอะไรไม่เป็นไปตามที่เราคิด
ก็จะทำให้หงุดหงิดใจ มานั่งนึกว่าทำไม เขาไม่ได้อย่างใจ ทำไมเขาไม่เข้าใจ
ถ้าเราเข้าใจว่าตัวเองเป็นแบบนั้น
เราต้องยอมรับว่าบางครั้งเราก็ทำอะไรแย่ๆได้
เขาเองก็เป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน
ถ้าเขาอภัยให้เราได้แบบไม่มีเงื่อนไข เราอภัยให้เขาบ้างได้หรือเปล่า?
อย่างถ้าเราเป็นคนขี้ระแวง บางครั้งเราก็ไปแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์
ถ้าเรามีสติ เราจะเริ่มรู้สึกว่าเราระแวงไปเอง
บางทีเราเอาเรื่องมาปะติดปะต่อแล้วก็คิดไปเอง
ทั้งๆที่ในเป็นจริงอาจจะไม่มีอะไร
แต่ความระแวงนั่นแหละ จะทำให้เกิดเหตุการ์ณร้ายๆตามมาได้..
ความไว้ใจกับความโง่.. มันอยู่ใกล้กันก็จริง..
แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันจะแยกกันไม่ออก
advertisement
เมื่อใดที่คุณโกรธ..
คุณต้องแลกมันกับเวลาที่คุณจะได้อยู่ด้วยกันกับเขา..อย่างมีความสุข
แต่เมื่อใดที่คุณให้อภัย…. คุณจะได้คนใกล้ชิดของคุณกลับมา
ต้องไม่เอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว
ไม่เอาเรื่องเครียดๆมาโยนใส่กัน..
เวลาเจอกันก็จะเล่าแต่สิ่งดีๆให้เขาฟัง
หรืออาจปรึกษาเขาว่าควรทำอย่าไงดี
ไม่ใช่เจอกันก็บ่นๆๆๆ ใส่เขา จะทำให้เขารู้สึกว่าเจอทีไรก็มีแต่เรื่องเครียดๆ
คุยกันเรื่องสนุกๆ จะทำให้เขาสุขใจ สบายใจ
วิธีนี้จะทำให้เขาอยากเจอเรา อยากมาหาเรา
เพราะรู้ว่าอยู่กับเราแล้วมีความสุข เขาก็ไม่อยากจะไปไหน
ให้คิดตลอดว่าชีวิตมันสั้น… ทำไมเราไม่ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุข
รู้จักดูจังหวะ ดูสถานการ์ณ ดูอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ดี
อย่างถ้าเขาทำงานมาเครียดๆ แล้วเราเองก็มีเรื่องเครียดอยู่
เราก็ต้องดูอารมณ์เขาหน่อย
อย่าเพิ่งไปคุยเรื่องเครียดๆกับเขา
ถ้าเขาร้อนมา เราก็ต้องเย็นเข้าไว้
เอาใจเขาหน่อย ดูก่อนว่าเขาหิว เหนื่อย เครียดหรือเปล่า
ถ้าใช่ ทำอะไร หาอะไรที่เขาชอบ พอเขาอารมณ์ดีเราค่อยคุย
กับเขาแต่ถ้าวันนั้นเขาปกติ ก็ต้องดูอารมณ์ว่าควรจะพูดควรจะฟังตอนไหน
รู้จักให้อภัย
เพราะหลังจากอยู่ด้วยกันแล้ว..
บางครั้งต่างฝ่ายต่างทำผิด ต่างฝ่ายต่างก็ต้องรู้จักให้อภัยกัน
อย่ามองในจุดเสียของเขาให้มาก.. พยายามมองแต่แง่ดีๆ..
ใช้เหตุผลยอมรับที่เขาเป็นสัก 70 เปอร์เซ็นต์
แล้วเวลาที่เขาทำผิด อย่ามองว่าเป็นความผิดของเขาคนเดียว
บางทีเราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาทำผิดได้เหมือนกัน
เราต้องมีเหตุผล และเขาเองก็ต้องดีจริงๆเหมือนกัน เราถึงให้อภัยเขาได้.. [ads]
บางครั้งก็ต้องรู้จักยอมๆกันบ้าง
เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ว่าต้องตัดสินปัญหาแบบคนละครึ่งทางเป๊ะๆ
บางครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันก็ต้องยอมๆกันบ้าง
แลกกับความสบายใจ บางครั้งเรายอม บางครั้งเขายอมจะได้ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
หลายๆเรื่องเกิดจากคนสองคน ทั้งเรื่องงาน เพื่อน ครอบครัว
เราต้องมองว่าถ้าเราทำแบบนั้นเขารู้สึกอย่างไง
ถ้าเราทำอะไรไม่ดีออกไป เราก็ต้องเข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกธร..
ไม่ได้มองตัวเองเป็นศูนย์กลางไปซะทุกอย่าง…
ต้องยอมรับธรรมชาติของอีกฝ่ายด้วยหัวใจบริสุทธิ์และปล่อยวาง
มองหน้าเขาอย่างมีเมตตา พยายามทำร้อนให้กลายเป็นเย็น
เรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก
เมื่อเปิดใจยอมรับก็จะเข้าใจ
เมื่อเข้าใจ แม้เขาจะไม่ได้ดั่งใจ ก็คิดซะว่าเราเองก็คงมีเรื่องไม่ได้ดั่งใจเขาเช่นกัน
ดูแลความรักของคุณกับเขา..
เพราะอย่างน้อย.. คุณก็ยังโชคดี.. ที่มีโอกาสได้เจอเขา..แล้ว
เพราะ..คนบางคน..
ไม่มีแม้แต่โอกาส.. จะได้อยู่ใกล้ๆกับคนที่รัก….
***บทความนี้ จขกท นำมาจากอินเตอร์เน็ตนะคะ
จำแหล่งที่มาไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะก๊อปปี้เอาไว้อ่านเมื่อนานมาแล้ว
ขอบคุณเจ้าของบทความมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ใครทะเลาะกันอยู่ หรือคิดว่าจะเลิกกัน ลองอ่านดูนะคะ
เห็นแล้วก็ต้องบอกเลยว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆ ถ้ามองให้มันเป็นเรื่องใหญ่ มันก็ยิ่งจะบานปลายไปเรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องรู้จักให้อภัย หนักนิดเบาหน่อย ก็ลองหันหน้ามาคุยกันดูนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจากคุณ : le temps