นมผึ้ง ช่วยชะลอวัยต้านแก่ เป็นยาอายุวัฒนะ!!
advertisement
นมผึ้ง หรือ รอยัลเยลลี่ (Royal Jelly) หลายๆ คนคงพอจะเคยได้ยินกันอยู่บ้างนะคะ แต่เรียกได้ว่าเป็นของที่หายากมากๆ เลยทีเดียว นมผึ้งคืออาหารสำหรับตัวอ่อนของผึ้งและราชินีผึ้ง มีลักษณะเป็นครีมสีขาวคล้ายนมข้นหวานมีกลิ่นออกเปรี้ยว และรสค่อนข้างเผ็ดนิดๆ นมผึ้งมีประโยชน์ ช่วยบำรุงให้ราชินีผึ้งมีอายุยืนนานกว่า (ราชินีผึ้งมีอายุประมาณ 4-5 ปี ผึ้งงานมีอายุประมาณ 45 วัน) ดังนั้นจึงถือกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับคนด้วย เนื่องจากนมผึ้งอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพมากๆ อย่างไรบ้างนั้น ห้ามพลาดค่ะ ตาม Kaijeaw.com ไปดูกันค่ะ
อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่สำคัญ
คาร์โบไฮเดรตในนมผึ้งเป็นน้ำตาลธรรมชาติเช่นเดียวกับกลูโคส ฟรุกโตส และซูโครส โปรตีนในนมผึ้งประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งมีอยู่ในนมผึ้งอย่างสมดุลย์ สำหรับไขมันในนมผึ้งมีเพียงเล็กน้อย นมผึ้งอุดมด้วยวิตามินหลายชนิด ที่สำคัญคือวิตามินบี ซึ่งได้แก่ วิตามินบี 1 (ไธอามีน) วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) เนียซิน กรดแพนโททินิก และไบโอติน
ช่วยผ่อนคลายความเครียด
นมผึ้งมีวิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) วิตามินที่ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายอีกทั้งยังเป็นสารที่จำเป็นต่อกระบวนการทำงานของโปรตีน และเชื่อกันว่าเป็นวิตามินต่อต้านความเครียดอีกด้วย ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่ามีความเครียดอยู่บ่อยครั้งก็ไม่ควรพลาดเลยทีเดียวนะคะ
บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง
นมผึ้งยังเป็นแหล่งของกรดโฟลิกและวิตามินบี 12 วิตามินทั้งสองชนิดมีประโยชน์ช่วยบำรุงเลือด และป้องกันโรคโลหิตจางได้ ทั้งยังมีผลต่อระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยให้หัวใจเต้นสม่ำเสมอ พร้อมสูบฉีดโลหิตหมุนเวียนผ่านสมอง ปอด ตับ ไต และแขนขา โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย จะรู้สึกอบอุ่นและสดชื่นได้ในทันที [ads]
ลดคอเลสเตอรอล
เกลือแร่ที่มีในนมผึ้ง ได้แก่ แคลเซียม ทองแดง เหล็ก ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม ซิลิคอนและกำมะถัน นอกจากนี้ยังมีอะเซตทิลคลอไรด์ (1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักนมผึ้ง 1 กรัม) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นต่อระบบการทำงานของประสาทในมนุษย์ ส่วนประกอบอีกตัวคือสารประกอบชีวเคมีไอโนซิทอล ซึ่งช่วยขจัดไขมันตกค้างในตับ ลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดได้
ลดการอักเสบ
นมผึ้งช่วยการลดการอักเสบของข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ มีผลเหมือนสารสเตรอยด์ แต่ที่น่าสนใจมากๆ คือไม่มีอันตรายและไม่มีผลข้างเคียง จึงได้ผลดี ดังนั้นจึงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีหากจะใช้ร่วมกับยาแพทย์สำหรับการรักษาการอักเสบของบาดแผล หรือ ปวดข้อ และปวดกระดูกเรื้อรังค่ะ
มีฤทธิ์ในการต้านสารกัมมันตรังสี
ต้านการเจริญและช่วยยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ลดอาการ อักเสบของเซลล์มะเร็ง และจากการศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายมาก พบว่าผู้ป่วยที่ได้รับนมผึ้งมีการอักเสบรอบก้อนมะเร็งน้อยกว่ากลุ่มที่ได้ยาหลอก
บำรุงสมองและระบบประสาท
ด้วยสารสำคัญอย่างอะเซทิลคอลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นต่อระบบการทำงานของประสาทในมนุษย์ มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดจึงสามารถช่วยลดความดันเลือดได้ บำรุงตับ บำรุงสมอง เพิ่มประสิทธิภาพของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ ป้องกันสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์(Alzheimer's disease)
บำรุงผิวพรรณ และเส้นผม
ไกลโคโปรตีน (glycoprotein) ในนมผึ้งช่วยให้ผิวพรรณสดใส และไร้สิวฝ้า รวมถึงเจลลาติน ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ปรับความยืดหยุ่นให้ผิว และช่วยรักษาบาดแผลให้สมานอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็น รวมทั้งยังช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย
advertisement
ป้องกันโรคเบาหวาน(Diabetes)
ในนมผึ้งมีสารออกฤทธิ์คล้าย อินซูลิน (insulinlike peptide) ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โดยส่งเสริมการผลิตอินซูลินของร่างกาย จากงานวิจัยพบว่า นมผึ้งทำหน้าที่คล้ายอินซูลิน (insulin-like peptides, ILP) ช่วยเพิ่มผลิตการอินซูลินของร่างกาย และดีต่อตับอ่อนจึงสามารถป้องกันโรคเบาหวานได้
ช่วยละลอวัย
นมผึ้งช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยมีส่วนประกอบของ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอส จึงช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ซึ่งตามปกติแล้วยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายก็จะยิ่งมีการสร้างเซลล์ลดน้อยลง นมผึ้ง มีคุณสมบัติในการช่วยสร้างเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ส่งผลให้เกิดการชะลอความแก่ลง
เสริมสมรรถภาพทางเพศ
นมผึ้งช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง และเพศชาย ทำให้สามารถคงความหนุ่มสาวได้เป็นระยะเวลายาวนานมากขึ้นถึง 20 % ที่สำคัญคือยังมีคุณสมบัติเสริมสมรรถภาพได้ทั้งในหญิงและชาย
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
นมผึ้ง ช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงและต่อต้านการติดเชื้อต่างๆ ด้วยสารโกลบูลิน มีความสำคัญมากต่อระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัยที่ตีพิมพ์ ในวารสารทางการแพทย์ "Alternative Medecine Review 2010" แสดงให้เห็นว่า 10-HDA ในนมผึ้ง เข้าไปในเม็ดเลือด ขาวและเข้าไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ฆ่าเชื้อไวรัส รวมถึงเชื้อไวรัสตับ อักเสบ(Hepatitis) และไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริม(Herpes)
ป้องกันโรคมะเร็ง
วิจัยชี้ให้เห็นว่า 10-HDA ที่พบในนมผึ้ง อาจยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่ขึ้นมาหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง และ 10- HDA ช่วยเพิ่มศักยภาพให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น และพบว่านมผึ้งช่วยลดผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดหรือคีโมได้เป็นอย่างดี โดยช่วยสร้างเซลล์ที่ดีขึ้นใหม่หลังจากเซลล์ถูกทำลายจากการทำคีโม ทั้งยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น
ดีต่อผู้หญิงวัยทอง
นมผึ้งมีคุณสมบัติในการเสริม การทำงานของฮอร์โมนเพศหญิง กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียม และป้องกันภาวะกระดูกพรุน ช่วยสร้างเม็ดเลือด และความแข็งแรงของกระดูกโดยเฉพาะในวัยทอง จะเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก และช่วยการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น
ช่วยในการนอนหลับ
สำหรับคนที่มีอาการนอนไม่หลับ และเป็นภูมิแพ้ควรรับประทานนมผึ้ง พบว่าในนมผึ้งมีกรดที่สำคัญ ชนิดหนึ่งคือ Decenonic acid ซึ่งเป็นกรดธรรมชาติที่ช่วยคลายเครียดและทำให้อารมณ์ดี [ads]
advertisement
ปริมาณการบริโภคนมผึ้งสด
จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่าปริมาณบริโภคการนมผึ้งสดต่อวันในผู้ใหญ่จะขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ซึ่ง ปริมาณต่ำสุด คือ 100-300 มก./วัน ปริมาณปานกลาง 500 มิลลิกรัม/วัน และ ในกรณีที่สาหัสหรือเร่งด่วนใช้ปริมาณ 800-1,000 มก./วัน ส่วนในเด็กจะขึ้น อยู่กับอายุ โดยจะใช้แค่ 1/2 หรือ 1/4 ของปริมาณที่ผู้ใหญ่ใช้ ส่วนปริมาณการบริโภคนมผึ้งผงด้วยการทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง ซึ่งปริมาณที่ใช้ คือ 1/3 ของปริมาณการบริโภคนมผึ้งสดที่ได้กล่าวมาข้างต้น และปริมาณการบริโภคนมผึ้งผสมน้ำผึ้ง ซึ่งจำนวนของน้ำผึ้งที่เติมจะขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ของนมผึ้ง โดยปกติเติมน้ำผึ้ง 1-3% ของนมผึ้งสด ปริมาณการบริโภคต่อวัน จะบริโภคหนึ่งช้อนชาหรือประมาณ 100-300 มก.
วิธีการเก็บรักษานมผึ้งที่ถูกต้องเพื่อให้คงประโยชน์สูงสุด
ควรทำการเก็บนมผึ้งเอาไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิต่ำๆ หากทำการเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง จะสามารถเก็บเอาไว้ได้นานถึง 3 ปี แต่ถ้าหากนมผึ้งที่เก็บเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆ เริ่มมีสีที่ไม่แวววาว เปลี่ยนเป็นสีเทา มีกลิ่นคล้ายเหล้า กลิ่นแก็ซ หรือกลิ่นเน่า แสดงว่านมผึ้งดั่งกล่าวหมดอายุแล้ว ไม่ควรนำมาทำการรับประทานโดยเด็ดขาด
ข้อควรระวังในการใช้นมผึ้งเพื่อบำรุงร่างกาย
– โดยส่วนใหญ่แล้วนมผึ้งจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับบางคนที่ทานนมผึ้งอาจจะเกิดอาการแพ้ในช่วงแรก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร แต่เมื่อผ่านไปซักระยะเวลาหนึ่งร่างกายจะมีการปรับตัว หากต้องการทานมผึ้งต่อ ขอแนะนำให้ค่อยๆ รับประทานน้ำนมผึ้งในปริมาณเล็กน้อยร่วมกับเครื่องดื่มที่ชอบ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น
– ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ และโรคหอบหืด ต้องระวังในการบริโภคนมผึ้ง ถ้าจะให้ดีควรทำการปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
– หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
เรียกได้ว่านมผึ้ง เป็นอาหารจากธรรมชาติที่อุดมประโยชน์ต่อมนุษย์เรามากเลยทีเดียวนะคะ สำหรับใครที่สนใจนมผึ้งก็ควรต้องใช้ด้วยความระมัดระวังด้วย เพราะอย่าลืมว่าคนเราควรได้รับอาหารให้ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งนี้ก็ควรพิจารณาซื้อผลิตภัณฑ์นมผึ้งจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการันตีคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าอย่างถี่ถ้วนด้วยค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com