ครูตีเด็ก บทเรียนราคาแพง และข้อคิดแก่ผู้ปกครอง
advertisement
หลังจากที่มีกรณีเรื่องคุณครูพี่เลี้ยงในโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งทำร้าย เด็กอนุบาล โดยมีการใช้ความรุนแรง มีทั้งตบ ทั้งหยิก และผลักให้เด็กๆล้ม ทำให้เด็กๆต้องนอนผวา กลัว และไม่อยากมาโรงเรียน รวมทั้งเด็กบางคนมีรอยเขียวช้ำ ทำให้ผู้ปกครองเข้าไปเช็กกล้องวงจรปิดในห้องเรียน จึงทราบว่ามีคุณครูท่านหนึ่งทำร้ายเด็กด้วยความรุนแรง จนเกิดเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดทางเพจ เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องนี้ระบุว่า
advertisement
#ครูตีเด็ก บทเรียน “ราคาแพง” และข้อคิดแก่ผู้ปกครอง จากกรณีที่เป็นข่าวดังวันนี้ คุณครูทำร้ายเด็กอนุบาล ภาพที่เห็นผ่านกล้องวิดิโอทำให้พ่อแม่ใจสลาย แม่ป่านเองอ่านแล้วรู้สึกหดหู่มาก… #เราได้ข้อคิดอะไรจากตรงนี้บ้าง ?
1. #โรงเรียนแพง อาจไม่ได้หมายความว่า “ทุกอย่างจะดีเสมอไป” เราไว้ใจใครไม่ได้และไม่ควรวางใจใครจนเกินไป!
2. #หมั่นสังเกตบุตรหลานให้ดี (โดยเฉพาะวัยอนุบาลที่ยังไม่รู้ความ) ว่ามีพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปจากเดิมหรือไม่?
จากที่เคยร่าเริง อยากไปโรงเรียน กลายเป็นงอแงไม่อยากไปโรงเรียน? เมื่อถามถึงเหตุผล กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ? มีอาการผวาเมื่อพบเจอคุณครู? นอนฝันร้าย, นอนละเมอร้องไห้ หรือแม้กระทั่งนอนไม่หลับ มีรอยบาดแผลฟกช้ำติดตัวมาจากที่โรงเรียน (โดยคุณครูอาจจะแจ้งว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือเพื่อนเล่นกันเฉยๆ?) ไม่เพียงเฉพาะกายภาพภายนอกที่ต้องสังเกตให้ดี การทำร้ายกัน นอกจากร่างกายแล้วยังรวมไปถึง “การพูดให้เจ็บปวด” ไม่ว่าจะเป็นการตะคอก, ดุด่า, ข่มขู่, เยาะเย้ย ถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจกันอย่างหนึ่ง (และไม่น่าเชื่อว่ามันฝังเป็นบาดแผลอยู่ในจิตใจเด็กคนหนึ่งได้ตลอดชีวิตเลยทีเดียว) พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้ อาจเป็นสัญญานเตือนให้ผู้ปกครองพึ่งระวัง!
3. #พ่อแม่หมั่นสอบถาม พูดคุยถึงความเป็นไปในโรงเรียน #อย่างสม่ำเสมอ โดยให้บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างผ่อนคลาย :..ไม่ให้ลูกรู้สึกเครียดเหมือนเรากำลังคาดคั้นเค้า (แม้แม่จะร้อนรนอยากรู้มากเพียงใดก็ตาม แต่ keep calm เอาไว้ ช้าๆ..ได้พร้าเล่มงามค่ะแม่) อาจเริ่มต้นสนทนาโดยการที่ถามว่า “วันนี้กินข้าวกลางวันกับอะไรนะ อร่อยมั้ยคะ แล้วลูกนั่งทานข้าวกับใคร?”, “วันนี้ไปเล่นที่โรงเรียนสนุกมั้ยคะ…เล่นกับใครบ้างนะ เล่นอะไรกันบ้างเอ่ย แม่อยากเล่นด้วยจังเลย แล้วเพื่อนๆเล่นกับหนูดีมั้ยคะ? …”แล้วคุณครูคอยดูแลหนูไม่ห่างใช่มั้ยลูก? …คุณครูดุมั้ยคะ?” ใช้การสนทนาเบาๆ ค่อยๆล้วงข้อมูลจากลูก แล้วลองประติดประต่อ&ประมวลผลดูนะคะว่าสถานการณ์ในแต่ละวันเป็นอย่างไร
4. #สร้างความมั่นใจให้ลูก “ให้รู้ว่าแม่อยู่ตรงนี้เสมอ ลูกสามารถพูดคุยในทุกเรื่องราวกับแม่” แม่ป่านเชื่อว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่หมั่นสังเกตอาการ และพูดคุยกับลูกอยู่เป็นประจำ ไม่กดดันลูก และให้ลูกได้รู้สึก “Trust” นั่นคือ “เชื่อมั่น” ว่าแม่จะอยู่เคียงข้างเค้าเสมอ ไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กดี หรือในวันที่ลูกทำผิด แม่จะคอยยืนอยู่ข้างๆคอยให้คำปรึกษา (ไม่ได้หมายความว่าเข้าข้างลูกในทุกเรื่องนะคะ หากลูกทำผิด แม่คือคนที่ดีที่สุดที่จะกอดเค้า และค่อยๆสั่งสอนเค้า คอย Shape เค้าให้เข้ามาอยู่ในลู่ทางที่ดี … ไม่มีใครทำหน้าที่นี้ได้ดีเท่าแม่อีกแล้วค่ะ) [ads]
5. #สอนให้ลูกปกป้องตัวเอง กล้าที่จะบอกเพื่อนว่าไม่ชอบให้เล่นแรงๆ,กล้าที่จะบอกครูเมื่อเพื่อนรังแก, บอกแม่หากมีอะไรที่ไม่ดีที่โรงเรียน ….สอนลูกให้รู้จักบอกว่า “ไม่” หรือ say “no” เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่โอเค…“It’s ok, not to be ok”
6. #หมั่นร่วมกิจกรรมในโรงเรียน หรือเมื่อมีนัดพบปะคุณครู พยายามไปให้ได้ด้วยตัวเอง เพื่อที่เราจะได้ตามติดสถานการณ์ หรือรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน และอาจได้ร่วมกันเสนอแนวทางการแก้ไข
advertisement
7. “#อย่ากลัวที่จะพูด” หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ไม่ว่าที่เกิดกับบุตรหลานของเรา หรือเด็กคนอื่นๆ อย่าได้กลัวอิทธิพลใดๆหากเรามั่นใจว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องและเป็นผลดีต่อส่วนรวม พึงระลึกไว้เสมอว่า “If not now then when?, If not me then who?” “ถ้าไม่พูดตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่….ถ้าไม่ใช่ตัวเรา แล้วใครจะพูด? ลองจับกลุ่มผู้ปกครองที่ท่านรู้สึกถูกจริต พบป่ะกันบ้างเพื่อให้พอมีสังคม..รู้จักคุณครูหรือบุคลากรในโรงเรียนเพื่อให้มีบุคคลที่คอยเกื้อกูลช่วยเหลือในโรงเรียน… #อย่าคิดว่าเลือกโรงเรียนดีแล้วค่าเทอมแพงแล้วและโยนทุกอย่างให้โรงเรียน! “หน้าที่ดูแลปกป้องลูก แม้จะทำได้ไม่ตลอดเวลา แต่ก็ยังเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่พึงกระทำ ไม่ว่าบุตรหลานจะอยู่ในวัยไหน… การใส่ใจซึ่งกันและกันเป็นเรื่องสำคัญ” “ใส่ใจ เอาใจลูกมาใส่ใจเรา…และอย่าลืมเผื่อแผ่ความใส่ใจนั้นสู่เพื่อนๆของลูกด้วยค่ะ”
ถึงแม้ลูกชายของแม่ป่าน (น้องพระพาย Grade 1 รร.นานาชาติแห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่) จะอยู่ในวัยที่เล่าเรื่องราวๆต่างๆในรร.ให้ฟังได้อย่างละเอียด…ถึงแม้ลูกจะอยากไปโรงเรียนทุกวัน ไม่เคยร้องไห้งอแง แต่แม่อย่างเราก็ไม่ได้วางใจ…..หมั่นพูดคุยสอบถามลูกอยู่เสมอ สร้างความมั่นใจให้แก่ลูก สอนลูกว่าหากรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เล่นแรงไปให้บอกครู และสามารถมาคุยกับแม่ได้ทุกเมื่อ “I’ve got your back!” แม่ป่านจะติดต่อพูดคุยกับผู้ปกครองในชั้นเรียน และพบป่ะคุณครูสม่ำเสมอ เพื่อจะได้คอย support สภาพจิตใจลูกให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและมีความสุขค่ะ “Don’t give up. Keep Fighting for the good. Keep Loving. Keep giving back. Keep being kind. Keep being brave. Keep caring. Keep trying new things. Keep showing GRACE. Keep on.This world needs you to believe in the good.” ด้วยความปรารถนาดีจากใจ แม่ป่าน เพจเลี้ยงลูกอย่างมีความสุข
สำหรับใครที่มีลูกยังเล็ก ก็ต้องคอยพูดคุย และสอบถามลูกอยู่เสมอ เพื่อให้เค้าได้รู้สึกว่าเราเป็นที่ปรึกษาและคอยให้คำแนะนำลูก ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับพ่อแม่และผู้ปกครองทุกๆท่านด้วยนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan