บีทรูท..ผักเพื่อสุขภาพ มากคุณค่า!!
advertisement
บีทรูท (Beetroot) หรือ ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง เป็นผักที่ใช้กินส่วนหัว เพราะเป็นพืชที่ส่วนหัวหรือรากที่อยู่ใต้ดินสะสมอาหาร จัดเป็นพืชเมืองหนาวชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ในสารสีแดงของบีทรูทนั้นประกอบไปด้วยสารสำคัญที่ชื่อว่า ไลโคพีน (Lycopene) ซึ่งเป็นเม็ดสีแคโรทีนอยด์ที่ให้สีแดงแก่พืชผักต่างๆ
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยป้องกันความเจ็บป่วย โรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็ง อีกด้วย ใครที่ยังไม่รู้ว่าบีทรูทมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอย่างไร ห้ามพลาดค่ะ
ลักษณะของบีทรูท เป็นหัวผักกาดที่อยู่ใต้ดินชนิดหนึ่ง มีรูปทรงกลมป้อม เปลือกดำ เนื้อสีแดงเลือดหมู หรือม่วงแดง เมื่อปอกสีจะติดมือ เป็นผักเมืองหนาว ต้นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Betavalgaris แต่ปัจจุบันเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้บีทรูทก็สามารถปลูกได้ในแถบภาคเหนือของไทยได้อีกด้วย
สารอาหารที่สำคัญในบีทรูท
ปริมาณ 2 หัวขนาดกลาง มีสารอาหารหลายชนิดคือ แคลเซียม 14 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 23 มิลลิกรัม โซเดียม 43 มิลลิกรัม โปแตสเซียม 208 มิลลิกรัม เหล็ก 0.5 มิลลิกรัม วิตามินเอ 20 I.U. และวิตมินบีรวม บีทรูท 100 กรัมให้พลังงานเพียง 36 kcal
[ads]
คุณค่าทางโภชนาการ
ให้วิตามินซีสูงช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด บำรุงผิวพรรณและวิตามินเอสูงช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันความเสื่อมและโรคร้ายทางดวงตาและเป็นอาหารที่ให้ไฟเบอร์มาก ดีต่อการขับถ่าย ป้องกันท้องผูก โรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร อีกทั้งยังมีโปแตสเซียมช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งต่างๆ มีโฟเลทช่วยในการบำรุงเลือด บำรุงไต ถุงน้ำดี และเป็นอาหารล้างพิษที่ดี
มีประโยชน์ในการรักษามะเร็ง
สารสีแดงในหัวบีทรูท คือ เบทานิน (betanin) เป็นกรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง น้ำบีทรูทจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะรักษามะเร็ง นอกจากนั้นยังช่วยทำให้เลือดลมดี และการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น
เป็นผักผลไม้สีแดงที่ให้สารมีประโยชน์ “ไลโคพีน” (Lycopene) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ผิวหนังและช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อกระจก และที่สำคัญคือช่วยป้องกันมะเร็งได้เช่นกัน
ประโยชน์ของน้ำบีทรูท การดื่มน้ำบีทรูทเป็นประจำช่วยในการเสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกาย ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลัง ทำให้อึดทนทานมากขึ้นถึง 16% ช่วยขับสารพิษถ้าหลังจากดื่มน้ำบีทรูทแล้วขับถ่ายออกมามีสีแดงปนเปื้อนมาด้วยก็ไม่ต้องตกใจว่าเป็นเลือด เพราะเป็นแค่ร่างกายขับสารสีแดงออกมาเท่านั้นเอง
รักษาสิว
มีการพบว่า “หัวบีทรูท” นำไปใช้เป็นโภชนาบำบัดช่วยในการรักษาผู้ที่เป็นสิวชนิดมีหนอง หรือสิวอักเสบ น้ำเหลืองเสียได้ โดยมีวิธีการง่ายๆ คือ เอาหัวสดของ “บีทรูท” จำนวน 1 หัว ต้มกับน้ำจำนวนตามใจชอบ หรือกะพอประมาณจนเดือด ดื่มขณะอุ่น หรือจะรับประทานเนื้อด้วยก็ได้ จะช่วยบำบัดอาการสิวอักเสบหรือน้ำเหลืองเสียได้ แต่ต้องทำกินบ่อยๆ ทำกินประจำหรือกินเรื่อยๆ ก็จะสังเกตได้ว่าสิวอักเสบหรือน้ำเหลืองเสีย จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายได้
[yengo]
ผลข้างเคียงจากการรับประทานบีทรูท
– การรับประทานอาหารที่ทำมาจากบีทรูทมากเกินไป จะทำให้ปัสสาวะ เป็นสีชมพูหรือสีแดงได้ อย่าเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเลือดในปัสสาวะนะคะ อาการนี้เรียกว่า "บีทูเรีย" (beeturia) เกิดขึ้นเนื่องจากการกินบีทรูทมากเกินไป ซึ่งทำให้เม็ดสีที่ชื่อ บีทาเลียน (betalian) ในร่างกายมีจำนวนมากขึ้น และเมื่อมันเพิ่มจำนวนขึ้น กลไกของร่างกายจะทำการขจัดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะขับออกมาทางปัสสาวะนั่นเอง แต่อาการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน
– การได้รับแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) มากเกินไป ซึ่งบีทรูทเป็นหนึ่งใน อาหาร ที่มี oxalates ที่จะทำให้ร่างกายไม่ดูดซึม แคลเซียม เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
บีทรูท นับว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เราพลาดไม่ได้อีกชนิดหนึ่งนะคะ นอกจากสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ นั้น สีแดงของบีทรูทเป็นสารอนุมูลอิสระที่ดีช่วยป้องกันการป่วย โดยเฉพาะโรคมะเร็ง เราสามารถนำมาทานได้ง่าย โดยหั่นเป็นแว่นบางๆ ใส่ในสลัดผัก สอดไส้กลางแฮมเบอร์เกอร์เพิ่มประโยชน์จากผัก ทำซุปบีทรูทครีมข้น หรือจะใช้ต้มกินกับเนยเหมือนมันฝรั่งก็ให้คุณค่าทางอาหารดีมากเลยทีเดียว หากว่าใครที่ไม่เคยทาน ..ต้องหามาทานกันได้แล้วนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com