“ยอ” มากคุณค่า ..สรรพคุณเพียบ!!

    “ยอ” เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านชนิดหนึ่ง ที่เราพบเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือยอบ้าน ยอเป็นไม้ยืนต้น มีใบสีเขียว มีดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ ลักษณะของผลยาวรี ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีขาวนวล มีเนื้อนุ่ม ในผลมีเมล็ดจำนวนมากมีสีน้ำตาล สำหรับรสชาติจะออกรสเผ็ด และมีกลิ่นแรง ลูกยอ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากชนิด ดังต่อไปนี้
     1) ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลูกยอมีสารโปรซีโรนีน (Proxeronine) เมื่อรวมตัวกับเอนไซม์โปรซีโรเนส (Proxeronase) จะได้สารซีโรนีน (Xeronine) ที่ลำไส้ใหญ่ เมื่อดูดซึมกลับสู่เซลล์ต่างๆในร่างกาย จะช่วยปรับสภาพเซลล์ให้มีความสมดุลและแข็งแรง 

     2) คลื่นไส้อาเจียน ใช้ลูกยอดิบเผาหรือปิ้งในเตาถ่าน โดยใช้ไฟอ่อน กะว่าผิวนอกไหม้ดำเป็นถ่าน ข้างในเหลืองกรอบ ถ้าเผาไม่ถึงที่ ยาจะมีรสขื่น หากไม่มีเตาถ่าน ให้หั่นลูกยอเป็นแว่นบางๆ คั่วทั้งสดๆโดยใช้ไฟอ่อนคั่วจนเหลืองกรอบ จากนั้นเอามาชงน้ำร้อนหรือต้ม หรือจะต้มให้เดือดนาน 2-3 นาทีถ้าชงน้ำร้อน ใช้ยอ 1 ลูกต่อน้ำ 1 แก้ว แล้วชงทิ้งไว้ 5 นาที เติมเกลือนิดหน่อย ควรกินน้ำยอนี้ขณะที่ยังร้อนหรืออุ่นๆ อยู่

     3) แก้ท้องผูก รากยอมีสารแอนทราควิโนนออกฤทธิ์ระบายท้องได้ วิธีนำมาใช้คือ นำรากยอที่โตขนาดนิ้วชี้ ยาวไม่เกิน 6 นิ้วฟุต สับเป็นชิ้นๆ ใส่น้ำ 2 แก้ว ต้ม 10-15 นาที กิน 1 แก้ว ก่อนเข้านอน ตอนเช้าท้องไส้จะระบายดีเหมาะสำหรับคนท้องผูกและเป็นริดสีดวงทวาร[ads]

     4) ท้องอืด แน่นหน้าอก มีลมในลำไส้ กินลูกยอสุกงอม จิ้มเกลือกับน้ำตาลใช้ลูกยอแก่จัด สีขาวขุ่น (แต่ยังไม่สุกงอม) หมักฝังในขวดเกลือ 1-2 วัน ลูกยอจะสุกงอม แล้วนำมาจิ้มเกลือ น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง กินทั้งเนื้อและเมล็ด (เมล็ดยอเคี้ยวพอแหลกก็กลืนได้) และใบยอ ปรุงเป็นอาหาร ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้

     5) แก้ลมวิงเวียน ใช้ลูกยอแก่นำมาฝานบางๆ ตำใส่มะนาว กระเทียม พริก เกลือ กินเป็นประจำ จะไม่ค่อยเวียนศีรษะ ทำให้เลือดลมหมุนเวียนดี

     6) ปวดหัว ใช้ใบยอต้มเดือด 3-5 นาที แปะที่หัว

     7) เบื่ออาหาร ลูกยอแก่มาหั่นบางๆ ใส่ขวดโหล ต้มน้ำเกลือพอเค็ม นำมาใส่ให้ท่วมสูงจากเนื้อยอ 4-5 นิ้ว ดองไว้ 2-3 คืน รินน้ำยากินครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน

     8) แก้บิด ใช้ลูกยอแก่ 1 ลูกใหญ่ หั่นบางๆ แล้วนำไปอังไฟให้เหลือง แช่น้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 15-30 นาที รินแต่น้ำดื่ม กินทุกครั้งที่ถ่าย หรือทุก 3-4 ชั่วโมง

     9) ปวดข้อ ใช้ใบยอตำคั้นน้ำ ทาแก้โรคเกาต์ ปวดตามข้อ นิ้วมือ นิ้วเท้า

    10) เป็นไข้ ใช้เปลือกยอต้ม 10-15 นาทีกินวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 1 แก้ว

      11) ถ่ายมีเลือดปน นำใบยอป่า 1 กำมือ มา ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ผสมเกลือเล็กน้อย กินก่อนอาหารเช้าประมาณ 3 วัน อาการจะทุเลาและ หายในที่สุด

      12) ปากเปื่อย เป็นแผลในเยื่อบุปาก และลิ้นเป็นขุย กินของ เผ็ดเค็มไม่ได้ ใช้ลูกยอดิบที่ผิวยังมีสีเขียวเข้ม 2 ผล เผาไฟถ่านจนไหม้เป็นถ่ายดำตลอดลูก ผสมเกลือ บด ให้ละเอียด ทำในปาก วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

      13) ประจำเดือนขัด ใช้ลูกยอค่อนข้างแก่ 3-4 ผลทำเป็นส้มตำกินวันละ 1 ครั้ง 

      14) ร้อนในกระหายน้ำ นำลูกยอสุกมาเผาไฟหรือหั่น ปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ แล้วต้มหรือชงกินต่างน้ำ ช่วยแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้

      15) ป้องกันมะเร็งและเนื้องอก ช่วยปรับสภาพเซลล์ให้มีความสมดุล แข็งแรง และมีภูมิต้านทานที่ดีอีกทั้งยังช่วยซ่อมแซม และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ และกระตุ้นให้เซลล์ใหม่เติบโตและทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

     16) มีวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการติดเชื้อไวรัส ช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวหนัง กระดูกและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดได้อย่างมี 

     17) ซีสเตอีน (Cysteine) ซึ่งมีบทบาทในการขจัดอนุมูลอิสระ และยังมีผลในการขจัดสารพิษ จากแอลกอฮอล์ บุหรี่ และมลพิษในอากาศต่างๆ

     18) ซีลีเนียม (Selenium) มีความสำคัญในการป้องกันความเสื่อมที่พบในเบาหวาน และมีบทบาทสูง ในการเสริมภูมิต้านทานโรค

     19) มีกรดอะมิโน เป็นสารสำคัญที่ใช้ในการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างร่างกาย มนุษย์ เพราะโปรตีนมีหน้าที่ในการสร้างกล้ามเนื้อ ผิวหนัง เอ็น เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ต่อมไร้ท่อ เล็บ ผม และกระดูก นอกจากนี้ ยังมีส่วนในการสังเคราะห์ฮอร์โมน เอนไซม์ และยีนส์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพันธุกรรม [ads]

     20) ยอ เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ มีวิตามินซี โปตัสเซียม วิตามิน เอ สูง มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยชะลอการแก่และต้านมะเร็ง โดยหลักการแล้วน่าจะป้องกันมะเร็งได้
ข้อควรระวังในการใช้ยอ

    – น้ำลูกยอนั้นมี ธาตุโพแทสเซียมสูงมากประมาณ 56 meq/L ผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง จึงไม่ควรรับประทาน เพราะอาจเกิดอันตรายได้ 

    – ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์เพราะจะมีผลโดยตรงต่อระบบการหมุนเวียน โลหิตในครรภ์ ซึ่งอาจทำให้แท้งได้

     “ยอ” นับว่าเป็นพืชผลไม้ที่ไม่ธรรมดาเลยก็ว่าได้นะคะ หากมีโอกาสอย่าลืมหามารับประทานกันให้ได้นะคะ ทั้งปัจจุบันก็มีการนำลูกยอมาคั้นเป็นน้ำ ลูกยอบรรจุขวด รับประทานได้เลย และควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ เลือกรับประทานผลไม้ให้หลากหลายชนิดด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ

เรียบเรียงเนื้อหาโดย : ไข่เจียว.com