‘พระเมรุมาศทรงบุษบก’ เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์
advertisement
พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระเมรุมาศทรงบุษบก เริ่มใช้เป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๕ มีพระราชดำรัสว่าพระเมรุมาศทรงปราสาทสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น จึงเริ่มใช้พระเมรุมาศทรงบุษบก ในพระราชพิธีของพระองค์เอง
advertisement
ความยิ่งใหญ่ของพระเมรุมาศตามแบบแผนกรุงศรีอยุธยา เกิดการเปลี่ยนแปลงในงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ รูปแบบพระเมรุมาศทรงบุษบก ได้นำมาจัดสร้างในพระราชพิธีพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน ตามพระราชปณิธานของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์มีพระราชดำริที่จะไม่ก่อสร้างพระเมรุมาศยิ่งใหญ่เช่นแต่ก่อน มองว่าการก่อสร้างปราสาทเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น ความว่า
"แต่ก่อนมา ถ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดินสวรรคตลง ก็ต้องปลูกเมรุใหญ่ซึ่งคนไม่เคยเห็น แล้วจะนึกเดาไม่ถูกกว่าใหญ่โตสักเพียงใด เปลืองทั้งแรงคน เปลืองทั้งพระราชทรัพย์ ถ้าจะทำในเวลานี้ก็ดูจะไม่สมควรกับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ไม่เป็นเกียรติยศยืนยาวไปได้เท่าใด ไม่เป็นประโยชน์แก่คนทั้งปวง กลับเป็นความเดือดร้อน"[ads]
"ถ้าเป็นการศพท่านผู้มีพระคุณ หรือผู้มีบรรดาศักดิ์ใหญ่อันควรจะได้เป็นเกียรติยศ ฉันก็ไม่อาจจะลดทอนด้วยเกรงว่าคนจะไม่เข้าใจ เพราะผู้นั้นประพฤติไม่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด จึงไม่ทำศพให้สมพระเกียรติสมควรจะได้ แต่เมื่อถึงตัวฉันเองแล้ว เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องอันใด เป็นข้อคำที่จะพูดได้ถนัด จึงขอให้ยกเลิกงานพระเมรุใหญ่นั้นเสีย ปลูกแต่ที่เผาพอสมควร ในท้องสนามหลวง แล้วแต่จะเห็นสมควรกันต่อไป”
งานพระบรมศพของ รัชกาลที่ ๕ จึงไม่ได้สร้างเขาพระสุเมรุตามแบบโบราณราชประเพณี เปลี่ยนมาก่อสร้างพระเมรุมาศทรงบุษบก บนพื้นราบ ดัดแปลงอาคารปราสาทเป็นเรือนบุษบกบัลลังก์ หรือเป็นการขยายพระเมรุทอง ในปราสาทเป็นเรือนบุษบกบัลลังก์แต่เดิมให้ใหญ่ขึ้น แวดล้อมด้วยเมรุราย ๔ ทิศ ลดรูปเป็นคดซ่าง ระเบียง ทับเกษตร อย่างไรก็ตาม ยังคงสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงาม เป็นต้นแบบพระเมรุมาศแบบใหม่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระเมรุมาศทรงบุษบก ได้นำมาใช้งานพระบรมศพองค์พระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ยกเว้น งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ถวายพระเพลิง ณ สุสานในประเทศอังกฤษ งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ ๘ และงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ซึ่งพระเมรุมาศทรงบุษบก ถือเป็นแบบพระเมรุมาศสำหรับกษัตริย์เท่านั้น
สำหรับพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ เป็นพระเมรุทรงบุษบก ๙ ยอด วางผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร สูง ๕๕ เมตร เท่ากับตึก ๑๗ ชั้น การจัดสร้างพระเมรุมาศ ดำเนินการโดยกรมศิลปากร ถือเป็นพระเมรุมาศทรงบุษบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบ ๑๐๐ ปี
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ไม่มีพระเมรุมาศ เนื่องจากพระองค์เสด็จสวรรคตที่ต่างประเทศ เเล้วประกอบพิธีอย่างเรียบง่ายที่สุด ที่นั้นต่างบ้านต่างเมือง งานพระบรมศพจัดอย่างเรียบง่ายที่สุดตามพระประสงค์ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตคือ ไม่ต้องมีงานออกพระเมรุฯ ไม่ต้องมีโกศ ไม่ต้องมีราชรถ ไม่ต้องประโคมย่ำ ไม่ต้องมีพระสวด ไม่ต้องเครื่องยศ แล้วเผาให้ไวที่สุด ไม่ต้องร้องไห้
ภายหลังมาหลังจากการเมืองภายในประเทศสงบลง รัฐบาลในขณะนั้นจึงได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ เสด็จนิวัตกลับราชอาณาจักรไทยเป็นการถาวร โดยพระบรมราชินีได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระเจ้าอยู่หัวกลับมาด้วย
โดยทางกองพระราชพิธีได้จัดเตรียมโกศสำหรับบรรจุพระบรมอัฐิภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตรไว้เมื่อพระบรมอัฐิมาถึงก็เปลี่ยนใส่ทันทีบนเรื่องพระที่นั่ง จากภาพคือ เจ้าพนักงานอัญเชิญพระบรมอัฐิพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ลงจากเรือพระที่นั่ง โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และ สมเด็จพระนาง้จ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ เสด็จพระราชดำเนินตามพระบรมอัฐิ[ads]
advertisement
เป็นอีกหนึ่งความรู้ที่ไข่เจียวนำมาแบ่งบัน หวังว่าคงเป็นประโยชน์แก่หลายท่านและ ถ้าข้อความข้างต้นนั้นผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยนะคะ
เรียบเรียงโดย: kaijeaw.com ขอขอบคุณที่มาจาก: โบราณนานมา