”พาราฯ”กินมากตับพัง!!

advertisement
“พาราเซตามอล” เป็นยาที่คนไทยซื้อรับประทานเองมากที่สุด แต่พฤติกรรมซื้อและรับประทานยาเองพร่ำเพรื่อ อาจส่งผลไปสู่การรับประทานยาเกินขนาด ปัญหาดื้อยา และปัญหาสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิตได้
สอดคล้องกับรายงานกรมการแพทย์ ก.สาธารณสุข ที่ระบุมูลค่าบริโภคยาของคนไทยปี 53 ทั้งยาแผนปัจจุบัน-ยาแผนโบราณที่ผลิตเองและนำเข้าประมาณ47,000 ล้านเม็ดต่อปี หรือเฉลี่ย128ล้านเม็ดต่อวัน มีผู้ป่วยซื้อยารับประทานเอง ร้อยละ15ของผู้ป่วยทั้งหมด ได้แก่ ปวดหัว ตัวร้อน ปวดเมื่อย[ads]
เภสัชกร ณรงค์ศักดิ์ ใบเนียม เภสัชกรประจำร้านขายยาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พาราเซตามอล เป็นยาแก้ปวด และลดไข้ที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด ข้อดีคือไม่ระคายเคืองกระเพาะ แต่มีผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุดคือพิษต่อตับ หากใช้เกินขนาดหรือใช้ติดต่อกันนานเกินไป
advertisement

จากการวิจัยทั้งในสหรัฐฯ และอังกฤษ พบมีการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดมากขึ้นทุกปี เช่นเดียวกับจำนวนของผู้ที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลจากพิษของพาราเซตามอลที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคตับจะยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดภาวะตับเป็นพิษ และตับวายเฉียบพลันได้ ได้แก่ ผู้ที่ติดสุราเรื้อรังหรือดื่มประจำ, ผู้สูงอายุ, มีประวัติครอบครัวเป็นโรคตับ, ผู้มีประวัติหรือมีโอกาสเป็นไวรัสตับอักเสบ, ผู้ที่รับประทานยาชนิดอื่นเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว[ads]
กลุ่มนี้มักจะมีภาวะเนื้อเยื่อตับถูกทำลายและผิดปกติ โอกาสที่การทำงานของตับจะกลับคืนปกติจะยากกว่าคนทั่วไป จึงมีโอกาสเกิดภาวะความเป็นพิษของยาต่อตับรุนแรงกว่าคนปกติ แม้ไม่ได้ใช้เกินขนาดก็ตาม
การรับประทานในผู้ใหญ่ครั้งละ2เม็ด ทุก4-6ชั่วโมง ตามฉลากระบุไว้ หรือ8เม็ดต่อวัน ไม่ควรติดต่อกันนาน 7 วัน ทั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง…
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : thaihealth.or.th โดย Patcharee Bonkham