แนะ!!เลือกใช้ – พ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ถูกวิธี…ลดเสี่ยงอันตราย
advertisement
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะประชาชนเลือกใช้แบตเตอรี่และพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างถูกวิธี โดยเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ที่ได้มาตรฐาน เลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งานของรถแต่ละรุ่นและมีความจุไฟฟ้าเหมาะสมกับการใช้กระแสไฟฟ้าของรถ
advertisement
ส่วนข้อควรระวัง ในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ไม่ควรสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบไฟของรถทั้งสองคัน ไม่ต่อสายพ่วงเข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตเตอรี่หมด ห้ามสูบบุหรี่ จุดไฟแช็ก หรือก่อให้เกิดประกายไฟ ขณะพ่วงแบตเตอรี่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตาและถุงมือทุกครั้งที่สัมผัสแบตเตอรี่ ระมัดระวังไม่ให้แบตเตอรี่เอียงหรือตะแคง รวมถึงสายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ส่งผลให้เกิดการระเบิด ก่อให้เกิดอันตรายได้[ads]
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า บ่อยครั้งที่ผู้ขับขี่มักประสบปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ทำให้เครื่องยนต์ดับและสตาร์ทไม่ติด การพ่วงแบตเตอรี่จึงเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้ตามปกติในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนนำรถไปตรวจสอบ ซึ่งการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัย
advertisement
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะประชาชนเลือกใช้และพ่วงแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี ดังนี้ การเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์ ใช้แบตเตอรี่รถยนต์ที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัย เลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน ของรถแต่ละรุ่น โดยมีขนาดแอมแปร์เท่ากับหรือมากกว่าที่ติดมากับรถยนต์ มีความจุไฟฟ้าเหมาะสมกับการใช้กระแสไฟฟ้าของรถ หากมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม อาทิ เครื่องเสียง ให้ใช้แบตเตอรี่รถยนต์ที่มีขนาดแอมแปร์สูงขึ้น ขั้นตอนการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ปิดสวิตซ์อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของรถ นำรถคันที่มีแบตเตอรี่ปกติมาจอดใกล้ๆ เพื่อต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ นำสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วบวก (สีแดง) มาต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถคันที่แบตเตอรี่หมด นำสวยพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบ (สีดำ) มาต่อกับแบตเตอรี่ขั้วลบของรถคันที่แบตเตอรี่หมด นำขั้วสายพ่วงที่เหลือต่อเข้ากับส่วนที่เป็นโลหะของเครื่องยนต์หรือตัวถังของรถยนต์ที่แบตเตอรี่หมด สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่มีแบตเตอรี่ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที แล้วเร่งเครื่องยนต์เล็กน้อย เพื่อให้แบตเตอรี่มีการไหลเวียนของประจุไฟฟ้า สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันที่แบตเตอรี่หมด พร้อมเร่งเครื่องในอัตรา 1,500 – 2,000 รอบต่อนาที เพื่อตรวจสอบว่ามีประจุไฟฟ้าเข้าหลังจากการชาร์จไฟแบตเตอรี่หรือไม่ ถอดสายพ่วงรถคันที่แบตเตอรี่หมดและถอดสายพ่วงรถคันที่มีแบตเตอรี่ปกติออกนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
advertisement
ข้อควรระวังในการพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบไฟของรถทั้งสองคัน เพราะจะทำให้เกิดประกายไฟ ส่งผลให้เกิดการระเบิดได้ ไม่ต่อสายพ่วง เข้ากับขั้วลบของแบตเตอรี่ของรถยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ระเบิด ห้ามสูบบุหรี่ จุดไฟแช็ก หรือก่อให้เกิดประกายไฟ เพราะในขณะต่อสายพ่วงแบตเตอรี่จะมีแก๊สบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการระเบิดได้ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตาและถุงมือทุกครั้งที่สัมผัสแบตเตอรี่ เพราะน้ำกรดในแบตเตอรี่เป็นสารกัดกร่อน ทำให้ได้รับอันตรายได้ ระมัดระวังไม่ให้แบตเตอรี่เอียงหรือตะแคง เพราะน้ำกรดอาจรั่วไหลออกมาทางรูระบาย ก่อให้เกิดอันตรายได้ ระมัดระวังไม่ให้ปลายสายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกัน เพราะจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร[ads]
ทั้งนี้ แม้การพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์จะสามารถทำเองได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากแบตเตอรี่มีน้ำกรดเป็นส่วนประกอบหลัก อีกทั้งในขณะที่แบตเตอรี่ทำงานจะเกิดการสะสมของก๊าซไฮโดรเจน หากมีประกายไฟ จะทำให้เกิดการระเบิด ก่อให้เกิดอันตรายได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย