ภาวะการแพ้แบบรุนแรง
 
                    advertisement
ภาวะการแพ้แบบรุนแรง ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Anaphylaxis ซึ่งเป็นภาวการณ์แพ้สารก่อภูมิแพ้ ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้
advertisement
 
จริงๆแล้วภาวะนี้พบไม่บ่อย โดยทั่วไปพบน้อยกว่า 1% ของประชากร แต่ก็พบอุบัติการณ์ การเกิดโรคเพิ่มขึ้นทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในสถานะของแพทย์โรคภูมิแพ้ แต่ก็ยังไม่ค่อยมีผู้ป่วยหรือผู้ปกครองเข้ามาปรึกษาแพทย์มากเท่าที่ควร เพราะไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของโรคนี้ และขาดการดูแลป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง แพทย์ที่พบผู้ป่วยก็ไม่ค่อยรายงานการเกิดโรคที่ถูกต้อง รวมทั้งยังขาดการรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ[ads]
	         สาเหตุของการเกิดโรค
	         พบว่าในเด็ก  เกิดจากการแพ้อาหารมากที่สุด  ส่วนในผู้ใหญ่พบว่าเกิดจากการแพ้ยามาก   สาเหตุนอกจากนี้ได้แก่  แมลงต่อย  รวมทั้งพบว่ามีการแพ้ถั่วลิสง  แป้งสาลี  และแพ้ยางพาราเพิ่มขึ้น   อาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้แบบรุนแรงมีความหลากหลายมากขึ้น  จนบางครั้งไม่นึกว่าเป็นสาเหตุของการเกิดอาการแพ้
advertisement
 
	         อาการที่ตรวจพบ
	         ได้แก่  ผื่นลมพิษเฉียบพลัน  หน้าบวม  ตาบวม  แน่นในคอ  แน่นหน้าอก  หายใจเหนื่อย  หน้าแดง  ปวดท้อง  อาเจียน  หรือเป็นลมหมดสติหลังจากได้รับสารที่แพ้ไม่นาน   โดยอาการอาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน หรือเกิดเพียงบางอาการก็ได้  โดยสารที่แพ้จะได้รับทางการกิน  การสูดดม  การฉีดยา  หรือหลังจากแมลงสัตว์กัดต่อย  ก็ได้  นอกจากนี้ยังพบว่า  ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ไม่ถูกวิธี  ก็สามารถเกิดอาการแพ้รุนแรงซ้ำได้ภายใน  1 – 2 วันได้อีก
advertisement
 
	         หลักการรักษา
	         สำหรับภาวะแพ้แบบรุนแรงนี้  คือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ซึ่งควรได้รับการยืนยันจากการตรวจค้นหาโดยแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้  และผู้ป่วยควรมียาแก้แพ้แบบรุนแรงติดตัวไว้ตลอดเวลา  สามารถนำมาใช้ได้ทันทีที่เริ่มเกิดอาการก่อนที่จะพบแพทย์  ซึ่งบางครั้งอาจใช้เวลานาน  ทำให้ผู้ป่วยช๊อคระหว่างทางได้  รวมทั้งข้อมูลและประวัติการแพ้แบบรุนแรง  ก็จะช่วยให้แพทย์ที่ดูแลฉุกเฉิน  เลือกยาที่จะใช้รักษาได้อย่างเหมาะสม  และทันท่วงที  สามารถป้องกันความรุนแรงของการเกิดโรคต่อไปได้[ads]
ต้องการให้ผู้ป่วยตระหนักถึงอันตรายของภาวะนี้ ทราบวิธีปฏิบัติตัว และได้รับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ บางคนรู้ตัวเองว่าแพ้อะไร แต่คิดว่าไม่เป็นไร หรือหายได้เอง แล้วไปรับสารนั้นซ้ำ ก็อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : paolohospital.com พญ. สุรีรัตน์ พงศ์พฤกษา ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลเปาโล
 
                                    
                                                  
                                                  
                                                  
                                                  
                                                 