มะม่วง..ผลไม้อร่อย คุณค่าเพียบ!! ไม่กินไม่ได้แล้ว!!
advertisement
“มะม่วง” ผลไม้ที่หากินได้ง่ายมากๆ ในบ้านเรา มีหลายสายพันธุ์ หลายรสชาติทั้งเปรี้ยว หวาน มัน ทานได้ทั้งแบบสุกและดิบ เป็นผลไม้สุดโปรดของใครหลายคน เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย จนมีการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อขายได้ราคาสูงขึ้น และมีการส่งออกขายยังต่างประเทศอีกด้วย และในเรื่องของประโยชน์นั้นก็เรียกได้ว่า ไม่น้อยไปกว่าผลไม้นอก ราคาแพงๆ อื่นๆ เลยค่ะ กินมะม่วงนั้นดีอย่างไร เรามาดูกัน
สารอาหารที่สำคัญในมะม่วง เป็นผลไม้ที่มีไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล และโซเดียมต่ำ และยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินเอ และวิตามินซี รวมทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี นอกจากนี้ก็ยังมีเควอซิทิน (Quercetin) เบต้าแคโรทีน (Beta Carotine) กรดโฟลิก และ แอสตรากาลิน (astragalin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง
[ads]
รับประทานมะม่วงแล้วได้รับประโยชน์อะไรบ้าง
1. ควบคุมระดับความดันโลหิตให้ปกติ มะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ
2. ป้องกันเนื้อร้ายหรือโรคมะเร็งนั่นเอง สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วงอย่างเช่น เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (isoquercitrin) แอสตรากาลิน (astragalin) ไฟเซติน (fisetin) เมทิลแกทเลท (methylgallat) มีฤทธิ์เป็นสารต้านนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ในการต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งอย่างได้ผล รวมทั้งมีเพคติน (pectin) สูง ที่มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้อีกแรงหนึ่งด้วย
3. ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย อีกทั้งไฟเบอร์ปริมาณสูงในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารรวมถึงช่วยในการขับถ่ายได้ดี ป้องกันท้องผูก โดยเฉพาะมะม่วงที่มีรสเปรี้ยว ก็มีฤทธิ์ในการระบายอีกด้วย
4. ป้องกันโรคหัวใจ มะม่วงอุดมด้วยวิตามินเอและอี รวมถึงซีลีเนียม (Selenium) ช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ อีกทั้งวิตามินบี 6 ก็ช่วยป้องกันโรคหัวใจด้วยการลดระดับโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) เพราะเจ้าโฮโมซิสเตอีนนี่เป็นกรดอะมิโนที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับผนังหลอดเลือดได้ อันเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ
5. ลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ในร่างกาย ใยอาหารเพคตินและวิตามินซีในมะม่วงสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีในร่างกายได้ แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานควรระวังมะม่วงสุกค่ะ
6. บำรุงสมอง วิตามินบี 6 ในมะม่วงช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันและสร้างเสริมการทำงานของสมอง เป็นส่วนสำคัญในการทำงานของสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยในการกำหนดอารมณ์และรูปแบบในการนอนหลับ ช่วยในการจดจำและมีสมาธิดีขึ้น และยังทำให้เซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
7. รักษาโรคเบาหวาน เป็นความจริงที่มะม่วงสุก นั้นเป็นอาหารที่ต้องระวังในผู้ป่วยเบาหวาน แต่สรรพคุณรักษาโรคเบาหวานอยู่ที่ใบมะม่วงค่ะ นำใบมะม่วง 10-15 ใบแช่ลงในน้ำอุ่นและปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นในตอนเช้านำน้ำนี้มาดื่มในขณะที่ท้องว่าง จะสามารถช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ วิธีนี้สามารถรับประทานได้ทั้งคนที่เป็นเบาหวานหรือไม่เป็นก็ได้ หากผู้ที่มีสุขภาพปกติดื่มน้ำแช่ใบมะม่วงก็จะยิ่งช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้อีกด้วยค่ะ
8. ดีต่อสายตา วิตามินเอสูงในมะม่วง เมื่อกินเข้าไปแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นเบต้าแคโรทีน สารอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสายตา บำรุงสุขภาพดวงตา ดังนั้นจึงช่วยบำรุงสายตาให้ยังมีสุขภาพดี สดใสอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องการการเสื่อมของจอประสาทตาเมื่ออายุมากขึ้นได้อีกด้วย
9. บำรุงผิวพรรณ สารอาหารทั้งวิตามินเอ วิตามินซี และสารอาหารในมะม่วงนั้นมีคุณประโยชน์ในเรื่องผิวพรรณ บำรุงให้สดชื่นแจ่มใส และช่วยให้การหมุนเวียนเลือดที่ดี
10. บำรุงเลือดในหญิงที่ตั้งครรภ์ มะม่วงมีธาตุเหล็ก และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อระบบเลือด และการหมุนเวียนเลือด ที่หญิงกำลังตั้งครรภ์จะขาดไม่ได้ เพราะหญิงตั้งครรภ์นั้นมักจะเกิดภาวะโลหิตจางได้ง่าย
11. ช่วยให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง มะม่วงจัดอยู่ในจำพวกผักผลไม้มีสีส้มและสีเหลืองอื่นๆ เช่น แครอท ที่มีสารแคโรทีนอยด์อันมีคุณสมบัติในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
[yengo]
สรรพคุณทางด้านสมุนไพรของมะม่วง
– รักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ใบมะม่วงประมาณ 15 ใบ นำมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาต้มในน้ำสะอาด 1 ถ้วย โดยใช้ไฟอ่อนๆ นาน 1 ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งก็เติมเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้วนำมาตั้งทิ้งไว้ค้างคืนไว้ 1 คืน พอเช้าก็นำมากรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน
– ป้องกันและบรรเทาโรคเบาหวาน หรือจะกินใบอ่อนมะม่วงเป็นประจำก็ช่วยได้ดี
– แก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ด้วยการรับประทานผลสดแก่
– ช่วยให้หายกระหายน้ำ ด้วยการรับประทานผลสดแก่
– กินมะม่วง ช่วยแก้อาการร้อนในได้
– แก้โรคคอตีบ โดยใช้เปลือกของลำต้นมะม่วงมาต้มรับประทาน
– แก้ซางตานขโมยในเด็ก นำใบมะม่วงพอประมาณมาต้มรับประทาน
– รักษาเยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ ด้วยการใช้เปลือกของลำต้นมะม่วง มาต้มรับประทาน
– เปลือกมะม่วงของผลดิบ นำมาคั่วรับประทานร่วมกับน้ำตาล ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนและอาการปวดเมื่อยช่วงมีประจำเดือน
– เปลือกต้นมะม่วง นำมาต้มเอาน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้ตัวร้อน
– ไฟเบอร์จากมะม่วง เป็นตัวช่วยสำหรับการย่อยอาหาร และเผาผลาญพลังงาน
– แก้อาการท้องอืด โดยนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เมล็ดของมะม่วงสุกมาตากแห้งแล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผงก็ได้แล้วนำมารับประทาน
– กินมะม่วงเพื่อช่วยแก้อาการบิด ถ่ายเป็นเลือด บำรุงกระเพาะอาหาร
– แก้อาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม
– กินมะม่วงสุก มีส่วนช่วยในการขับถ่าย มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ ด้วยการรับประทานมะม่วงสุก
– ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้เมล็ดของมะม่วงสุกมาตากแห้งแล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผงแล้วนำมารับประทาน
– น้ำต้มกับใบมะม่วงสดประมาณ 15 กรัม ใช้ล้างบาดแผลภายนอกได้แผลได้
– เป็นยาสมานแผลสด ด้วยการใช้ใบมะม่วงสดล้างให้สะอาดแล้วนำมาตำและพอกบริเวณที่เป็นแผล
มะม่วง นอกจากจะกินเป็นผลไม้สดๆ ได้ทั้งดิบและสุกแล้ว ก็ยังสามารถนำไปทำเป็นอาหารได้ เพื่อเพิ่มรสชาติเปรี้ยวได้ จำพวกอาหารยำ ก้อยหมู (อาหารอิสาน) ใส่ในน้ำพริก ส้มตำ หรือจะนำไปผ่านกระบวนการถนอมอาหารได้เช่น มะม่วงกวน มะม่วงแก้ว มะม่วงแช่อิ่ม ฯลฯ ก็จะมีรสชาติที่อร่อยได้อีกแบบ ส่วนยอดอ่อนหรือผลอ่อนก็สามารถนำมาประกอบอาหารแทนผักได้ด้วย เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเลยทีเดียว อย่างนี้แล้วเราจะไม่กินมะม่วง ก็ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com