มะเดื่อฝรั่ง..ผลไม้มากคุณค่า มีไฟเบอร์สูง แก้ท้องผูก สรรพคุณทางยาเพียบ!!
advertisement
มะเดื่อฝรั่งนั้น เป็นผลไม้ที่มาจากต่างถิ่นมีคุณค่าทางโภชนาการสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกเลยทีเดียว ผลเมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีแดง หรือสีชมพู ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ด้านในมีเนื้อสีแดงเข้ม เมื่อสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม โดยธรรมชาติแล้ว ต้นมะเดื่อฝรั่งแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน บางพันธุ์เหมาะสำหรับกินผลสด บางพันธุ์เหมาะสำหรับแปรรูปบรรจุกระป๋อง หรือกินในรูปผลแห้ง และในวันนี้ Kaijeaw.com มีเรื่องของประโยชน์และสรรพคุณมาบอกกันด้วยค่ะ
มะเดื่อฝรั่งชื่อภาษาอังกฤษว่า Common fig มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Ficus carica L. เป็นพืชสกุลเดียวกับต้นโพธิ์ ต้นไทร หรือมะเดื่อไทย (Ficus) และอยู่ในวงศ์เดียวกับมัลเบอร์รีหรือต้นหม่อน เดิมทีมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตกและประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำเมดิเตอร์เรเนียนของยุโรปและแอฟริกาเหนือ
ลักษณะของมะเดื่อ จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นจะเป็นปุ่มแตกกิ่งก้านออก ลำต้นมียางสีขาว ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยวหนาค่อนข้างแข็ง ด้านหนึ่งมีขนอ่อน ส่วนผิวด้านบนจะหยาบ ขอบใบหยักลึก 3-5 หยัก ส่วนผลมะเดื่อจะออกเป็นกระจุก ผลกลมแป้นหรือรูปไข่ มีเปลือกบาง โดยผลอ่อนจะสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีแดง หรือสีชมพู ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ด้านในมีเนื้อสีแดงเข้ม เมื่อสุกแล้วจะมีกลิ่นหอม
[ads]
ในประเทศไทยได้มีการนำเข้ามะเดื่อแห้งจากต่างประเทศ และได้มีการทดลองปลูกครั้งแรกที่ดอยอ่างขางเมื่อ พ.ศ.2524 โดยมูลนิธิโครงการหลวงและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มะเดื่อฝรั่ง มาปลูกเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้กับชาวไทยภูเขาทดแทนการปลูกฝิ่นแต่ดั้งเดิม
1. มีไฟเบอร์สูง ซึ่งดีต่อกระบวนการกำจัดของเสียในร่างกาย ระบบการย่อยอาหาร และระบบการขับถ่าย ในผลมะเดื่อสดจะมีเส้นใยอาหารอยู่ประมาณ 1.2% ส่วนในผลมะเดื่อฝรั่งอบแห้งจะมีเส้นใยอาหารสูงถึง 5.6% เลยทีเดียว
2. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ข่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยให้ดูอ่อนกว่าวัย และช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ และใยอาหารที่สูงนั้นก็เป็นตัวช่วยที่ดีช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
3. มีธาตุเหล็กและโฟเลตสูง สารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงเลือด เสริมสร้างระบบหมุนเวียนเลือดอย่างสมดุลย์ และช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
4. ให้พลังงานจากน้ำตาลธรรมชาติ มะเดื่อฝรั่งมีน้ำตาลธรรมชาติในตัวเองสูงมากถึง 83% ได้แก่ น้ำตาลกลูโคส 50% น้ำตาลฟรุกโตส 35% และน้ำตาลซูโครส 10% ซึ่งร่างกายสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานได้เลย โดยไม่เหลือสะสมในร่างกาย
5. มะเดื่อเป็นผลไม้ที่มีคอเลสเตอรอลและไขมันน้อยมาก เหมาะผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคตับ และเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดปริมาณการใช้อินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน
6. คุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก แคลเซียม โปรแตสเซียม โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ที่สำคัญมะเดื่อฝรั่งยังปราศจากไขมันและคอเลสเตอรอล นับได้ว่ามะเดื่อฝรั่งจัดอยู่ในกลุ่มผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงสุดใน 10 อันดับแรกของโลก
7. สร้างความสมดุลความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย ด้วยเกลือโพแทสเซียมในกรดอินทรีย์ของมะเดื่อฝรั่งช่วยสร้างสมดุลความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่เกิดความเป็นกรดมากจนเกินไป
8. เป็นผลไม้ที่มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูพรุน
[yengo]
สรรพคุณทางยาสมุนไพรของมะเดื่อฝรั่ง
– มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลของกรดด่างในร่างกาย
– ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ
– ช่วยสมานแผลในช่องปาก
– ช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้ขับถ่าย ใช้เป็นยาระบาย ป้องกันอาการท้องผูกได้
– ป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
– ป้องกันนิ่วในไต และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
– ช่วยฟอกให้ตับ และม้ามสะอาด
– บรรเทาอาการกามโรค
– เชื่อว่ามีลูกมะเดื่อช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้
– ป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในหญิงวัยทอง
– ทำให้หัวใจทำงานได้อย่างเป็นปกติ และช่วยป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
ข้อควรระวังและคำแนะนำ : มะเดื่อฝรั่งแห้งอาจทำให้ฟันผุได้ เนื่องจากมีปริมาณของน้ำตาลสูง และไม่ควรรับประทานมะเดื่อในปริมาณที่มากเกินไปเพราะจะทำให้ท้องร่วงได้
ปัจจุบันมะเดื่อฝรั่งเป็นที่นิยมอย่างมาก และเป็นที่ต้องการของตลาดสูง ด้วยคุณค่าสารอาหารที่สูงและรสชาติของผลมะเดื่อฝรั่งเองก็อร่อยถูกใจ แถมกินได้หลากหลาย ไม่ว่าผลสด ผลแห้ง หรือใช้ทำขนมได้อีกด้วย เช่น พาย แยม อบแห้ง ผลไม้กวน พุดดิ้ง เค้ก ไอศกรีม ต่างๆ เป็นต้น เช่นนี้แล้วคงต้องกินกันเป็นประจำกันแล้วใช่มั้ยคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com