มะเดื่อไทย..เป็นยาระบาย แก้เบาหวาน!!
advertisement
มะเดื่อไทยหรือมะเดื่ออุทุมพร เป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญคู่คนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคลศักดิ์สิทธิ์ ด้วยในสมัยอดีตจะใช้ไม้มะเดื่อทำพระที่นั่งในพระราชพิธีราชาภิเษก ใช้ทำเป็นกระบวยตักน้ำเจิมถวาย และใช้ทำหม้อน้ำสำหรับกษัตริย์ทรงใช้ในพระราชพิธี ซึ่งสามารถนำมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านได้ มะเดื่อนั้นยังสามารถนำมากินเป็นผัก คือ ช่อดอกหรือที่คนไทยเรียกว่าลูกมะเดื่อ เป็นผักสดจิ้มหรือใช้แกง เช่น แกงส้ม และกินเป็นผลไม้ได้ แต่เมื่อช่อดอกแก่ (หรือผลสุก) นั้นมักจะพบแมลงหวี่อยู่ภายในเสมอ จนทำให้คนส่วนใหญ่ไม่กินเพราะรังเกียจแมลงหวี่นี่เอง ซึ่งต่างจากในต่างประเทศที่ให้คุณค่าของมะเดื่อสูงมากเลยทีเดียว มะเดื่อไทยหรือมะเดื่ออุทุมพร มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า มะเดื่อชุมพร ก็เนื่องมาจากเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานประจำจังหวัดชุมพร นอกจากนั้นมะเดื่อไทยยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่างมาก อย่างไรบ้างนั้น ตาม Kaijeaw.com มาดูกันเลยค่ะ
advertisement
มะเดื่อไทยหรือมะเดื่ออุทุมพร มีชื่อสามัญว่า Cluster fig, Goolar (Gular), Fig มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ficus racemosa L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Ficus glomerata Roxb.) จัดอยู่ในวงศ์ขนุน (MORACEAE) มะเดื่อไทยมีชื่อเรียกอื่นๆ ตามท้องถิ่นว่า เดื่อเกลี้ยง (ภาคเหนือ), มะเดื่อน้ำ มะเดื่อหอม หมากเดื่อ เดื่อเลี้ยง (ภาคอีสาน), มะเดื่อ มะเดื่อเกลี้ยง มะเดื่อชุมพร เดื่อน้ำ กูแซ (ภาคใต้), มะเดื่อดง, มะเดื่อไทย, มะเดื่ออุทุมพร เป็นต้น
[ads]
advertisement
ลักษณะของมะเดื่อไทย หรือมะเดื่ออุทุมพร
ต้น – มีลักษณะ เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ทรงพุ่มกว้าง ใบหนาทึบ ลำต้นสูงประมาณ 5-20 เมตร ลำต้นเกลี้ยง เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนเทา กิ่งอ่อนเป็นสีเขียว ส่วนกิ่งแก่เป็นสีน้ำตาลเกลี้ยง
ใบ – จะเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับตามกิ่ง ใบเป็นรูปทรงรี หรือรูปหอก โคนใบมนหรือกลม ปลายใบแหลม ผิวใบเกลี้ยงหรือมีขนไม่หลุดร่วงง่าย ขอบใบเรียบ มีเส้นแขนงในใบประมาณ 6-8 คู่ และก้านยาวประมาณ 6-10 เซนติเมตร
ดอก – จะออกดอกเป็นช่อยาวตามกิ่ง โดยแต่ละช่อก็จะมีดอกย่อยขนาดเล็กเป็นกลุ่ม ดอกช่อจะเกิดภายในฐานรองดอกที่มีรูปร่างคล้ายผล และดอกมีสีขาวอมชมพู
ลูก – ลักษณะของลูกมะเดื่อชุมพร มีลักษณะทรงกลมแป้นหรือรูปไข่ ผลจะเกาะกลุ่มอยู่ตามต้นและตามกิ่ง ห้อยเป็นระย้าสวยงาม โดยผลอ่อนจะเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเป็นสีแดงม่วง มีรสฝาดอมหวาน สามารถรับประทานได้ ซึ่งดอกและผลนี้จะออกตลอดปี
advertisement
ประโยชน์ทางด้านสมุนไพรของมะเดื่อไทยหรือมะเดื่ออุทุมพร
ราก – มีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้อาการร้อนใน ถอนพิษไข้ กระทุ้งพิษไข้ แก้ไข้หัว ไข้กาฬ หรือไข้พิษทุกชนิด ช่วยกล่อมเสมหะ และโลหิต
เปลือก – ช่วยแก้อาเจียน แก้ธาตุพิการ ใช้รับประทานแก้อาการเสีย ท้องร่วง (ที่ไม่ใช่บิดหรืออหิวาตกโรค) ช่วยห้ามเลือด ใช้เป็นยาสมานแผลและชะล้างบาดแผล แก้ประดงเม็ดผื่นคัน
ผลดิบ – ช่วยแก้โรคเบาหวาน
ผลสุก – ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
advertisement
ประโยชน์อื่นๆ ของมะเดื่อไทย
– ไม้มงคลที่สามารถปลูกไว้ในบ้าน ตามความเชื่อความศรัทธาว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์
– ผลสุกเป็นอาหารสัตว์ได้หลายชนิด เช่น กระรอก นก หนู ฯลฯ เป็นการดีต่อการขยายพันธุ์ของมะเดื่อไทย เพราะเมล็ดของมะเดื่อจะงอกดีมากขึ้นเพราะมีน้ำย่อยในกระเพาะของสัตว์
– กินเป็นผักได้ โดยใช้ใบอ่อน ยอดอ่อน ใช้นึ่ง-ลวกกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก ผลอ่อนกินได้ ส่วนหัวใต้ดินนำไปนึ่งกินได้ ช่อดอกหรือที่คนไทยเรียกว่าผลหรือลูกมะเดื่อ สามารถนำมารับประทานเป็นผักได้
[ads]
advertisement
คุณค่าทางโภชนาการของมะเดื่อไทย
ผลของสมุนไพรมะเดื่อไทย อุดมด้วยวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามิน b1 ,วิตามิน b2 และ วิตามิน ซี และแคโรทีนของวิตามิน เอ และยังมีแร่ธาตุที่สำคัญ อาทิเช่น เหล็ก, แคลเซียม และทองแดง แร่ธาตุเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเซลล์ในร่างกายและการฟอกเลือด มีประโยชน์สำหรับคนที่ขาดเลือด นอกจากนี้ผลมะเดื่อยังมีเปอร์เซ็นต์ของน้ำตาลระหว่าง 18-30 % ตามความสดและแห้ง ผลมะเดื่อสดปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 70 แคลอรี ถึง 267 แคเลอรี่ เมื่อเทียบกับผลมะเดื่อแห้ง
มีการศึกษาวิจัย พบว่าสารสกัดใบมะเดื่อไทยนั้น ( Ficus racemosa Linn.) แสดงให้ทราบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เมื่อทดลองในหนูขาว เมื่อให้สารสกัดความเข้มข้น 400 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว สามารถลดการอักเสบได้ 30.4 , 32.2 , 33.9 , 32.0 % ในหนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนำให้ขาหลังอักเสบด้วย carragenin , serotonin , histamine และ dextran ตามลำดับ กลไกการลดการอักเสบเกิดจากการยับยั้ง histamine และ serotonin ผลการลดการอักเสบเรื้อรังเมื่อทดลองโดยการฝังเม็ดฝ้ายใต้ผิวหนังหนูขาว พบว่าสามารถลดน้ำหนักของ granuloma ได้ 41.5% โดยกลไกเกิดจากการลดจำนวน fibroblast ลดการสังเคราะห์ collagen และ mucopolysaccharide
มีการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแมลงหวี่กับมะเดื่อ พบว่า ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (symbiosis) โดยมะเดื่ออาศัยแมลงหวี่ผสมเกสรให้ติดเมล็ด ส่วนแมลงหวี่อาศัยมะเดื่อเป็นอาหารและฟักไข่ให้เป็นตัวจนบินได้ จึงจะเห็นได้ว่าทั้งแมลงหวี่และมะเดื่อต่างก็อาศัยอีกฝ่ายหนึ่ง ในการสืบพันธุ์ต่อไปได้ มะเดื่อไทยจึงไม่ได้รับความนิยมมากนัก สาเหตุหนึ่งมาจากผลสุกมักจะมีแมลงหวี่อยู่ในผลด้วยเสมอนี่เอง ทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่ค่อยดี รังเกียจแมลงหวี่ กลัวความสกปรก แตกต่างกับในต่างประเทศที่ จะให้ความสำคัญกับมะเดื่ออย่างมากเพราะเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
มะเดื่อไทย (มะเดื่ออุทุมพร) เป็นต้นไม้ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว ทำให้หลายคนอาจจะหลงลืมไปว่ามะเดื่อไทยนั้นมีประโยชน์อยู่มากมาย ดังนั้นได้ทราบแบบนี้แล้ว หลายคนคงอยากจะหามากินหรือใช้ประโยชน์กันบ้าง ก็สามารถนำมาปลูกไว้ในบริเวณสวนบ้านได้ แถมยังให้ความสวยงาม ให้ร่มเงา และเป็นมงคล มีความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อโบราณอีกด้วย
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com