ยำแซลม่อน!! …อร่อยเด็ด จัดเต็มสมุนไพรไทย
advertisement
กระแสอาหารญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในบ้านเรา วัตถุดิบในอาหารญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันดีอย่างหนึ่ง คือ ปลาแซลมอนสด ซึ่งนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู หาซื้อได้ง่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป นอกจากจะเป็นปลาที่มีประโยชน์สูงแล้ว รสชาติก็ยังอร่อยเป็นที่ติดอกติดใจของหลายๆท่าน จึงเป็นที่มาของเมนูนี้ เชฟนิดาได้นำแซลมอนมาปรุงเป็นเมนูแบบไทยๆ โดยเพิ่มความแซ่บด้วยน้ำยำรสชาติจี๊ดจ๊าด ผสมรวมกับสมุนไพรไทย เป็นอะไรที่อร่อยลงตัวมากๆ มาลงมือทำเลยค่ะ
advertisement
วัตถุดิบพร้อม
advertisement
ส่วนผสม
– เนื้อปลาแซลมอนสด 2 ขีด
– พริกแดง 3-4 ลูก
– หอมแดง 4 หัว
– กระเทียม 4 กลีบใหญ่
– ตะไคร้ 2 ต้น
– มะนาว 1 ลูก
– ใบสะระแหน่ 1 ถ้วย
– น้ำปลา
– น้ำตาลทราย[ads]
advertisement
พริกก่อนเลย
advertisement
ใส่ให้หมด!!
advertisement
เนื้อปลาแซลม่อน
advertisement
ลงยำเลยค่ะ
advertisement
วิธีทำ
1) เนื้อปลาแซลมอน แล่เป็นชิ้นพอคำ เตรียมไว้(ตามใจเลยนะคะใครชอบคำใหญ่หั่นใหญ่ชอบเล็กหั่นเล็ก)
2) พริกแดง กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ซอยเฉียงบางๆ ใบสะระแหน่เด็ดใบเตรียมไว้
3) ทำน้ำยำ พริกแดง น้ำปลา น้ำตาล ปรุงให้ได้รสเผ็ดเปรี้ยวหวาน เพิ่มเติมตามชอบ
4) นำเนื้อปลาแซลมอนและสมุนไพรที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าในน้ำยำ
เป็นอันเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟความอร่อย รู้วิธีทำง่ายๆแบบนี้แล้วคงไม่ต้องไปกินที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังและราคาแพงให้เสียทั้งเงินทั้งเวลากันแล้วนะคะ จะทำทานเป็นมื้อเย็นหรือเสิร์ฟในปาร์ตี้เก๋ๆก็ได้ค่ะ สำหรับใครที่ไม่ทานปลาดิบจะเอาไปลวกให้สุกก่อนได้นะคะ
advertisement
ปลาแซลมอนจัดว่าเป็นปลาที่มีโอเมกา 3 สูงกว่าปลาทะเลอื่น ๆ และประโยชน์ที่ได้จากโอเมกา 3 ได้แก่
– ช่วยลดคอเรสเตอรอลและไขมัน ที่สะสมตามผนังหลอดเลือด สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
– ชะลอการปวดบวม ของอาการกล้ามเนื้ออักเสบและโรครูมาตอยด์[ads]
– ลดการเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งบางชนิด
– ลดความดันโลหิต และเมื่อรับประทานแซลมอนเป็นประจำ กรด DHA จะสามารถช่วยพัฒนาสมอง สายตา ความจำและการเรียนรู้ ได้ดี
– ช่วยลดอาการมือเท้าเย็น ในผู้ป่วยโรคเรย์นอค
วิธีการกินปลาดิบให้ปลอดภัย ควรซื้อจากร้านอาหารที่ไว้ใจได้เท่านั้น ว่าสะอาดปลอดภัย เมื่อซื้อมาทานที่บ้านต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งและเก็บได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าปรสิตในเนื้อปลาถูกทำลายแล้ว ต้องเก็บในอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ขึ้นไป ควรรับประทานปลาดิบให้หมดภายในเวลา 2 ชั่วโมง หลังจากทำเสร็จ เพราะนอกจากจะเสียรสชาติแล้ว ยังไม่ได้คุณค่าทางอาหารที่ควรได้อีกด้วย การละลายน้ำแข็งจากช่องแช่แข็ง ควรนำออกมาวางทิ้งไว้ให้ละลายเอง อย่าแช่น้ำหรือเข้าไมโครเวฟช่วยละลาย จะทำให้เสียรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com ขอขอบคุณสูตรโดยคุณ Nida