10 วิธีใช้งานและยืดอายุยางรถยนต์ให้คุ้มค่า
advertisement
สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์นั้น นอกจากวินัยการขับขี่แล้ว การหมั่นตรวจเช็คสภาพการใช้งานรถยนต์ให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่สมบูรณ์เสมอนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน อุปกรณ์อะไหล่การใช้งานทุกอย่างต้องพร้อมใช้งาน อย่างเรื่องของยางรถยนต์ที่ Kaijeaw.com จะพูดถึงในวันนี้ ก็เป็นอีกสิ่งใช้งานที่เราต้องหมั่นดูแลบำรุง ด้วยเป็นอุปกรณ์ที่เมื่อถูกใช้งาน ก็ย่อมสึกหรอไปตามระยะทางและระยะเวลาในการใช้งาน เพื่อการดูแลรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง จะช่วยให้การใช้ยางรถยนต์เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน
1. ตรวจเช็คลมยาง
ตรวจเช็คลมยางเป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือทุกครั้งก่อนเดินทางในขณะที่ยางรถยนต์ยังเย็นอยู่ เพราะตรวจเมื่อใช้รถไปแล้วหรือตัวยางรถมีความร้อน ค่าความดันภายในยางจะสูงขึ้นและไม่ได้เป็นค่าที่ใช้วัดตามมาตราฐาน โดยเติมลมยางรถยนต์ให้ได้ตามอัตราที่เขียนในคู่มือรถยนต์ได้กำหนด เป็นอัตราที่ดีที่สุด เหมาะสมสำหรับรถแต่ละชนิด สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ยางรถยนต์ขนาดเดียวกันกับยางที่ติดรถมา ควรขอคำแนะนำเกี่ยวกับอัตราสูบลมยางที่เหมาะสมจากผู้ผลิตยางหรือร้านจำหน่ายยางรถยนต์ที่ได้มาตราฐาน
2. สลับยาง
ควรจะสลับยางรถยนต์ในทันทีที่ใช้รถครบ 10,000 กิโลเมตรแรก โดยสลับยางพร้อมกระทะล้อหน้า-หลังในแต่ละด้าน เพื่อให้มีการสึกหรอใกล้เคียงกันทั้ง 4 เส้นเพราะยางคู่ที่ใส่กับล้อขับเคลื่อนจะมีการสึกหรอมากกว่ายางอีกคู่หนึ่ง ตรวจดูทิศทางการหมุนและถ่วงล้อใหม่ด้วย แนวทางการสลับยางและระยะทางที่เหมาะสม มีกำหนดอยู่ในคู่มือประจำรถยนต์
3. หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนยางครั้งละคู่
หรือ 2 ล้อ ในการเปลี่ยนยางไม่ควรใช้ยางต่างรุ่นดอกกันในแกนล้อเดียวกันเพราะประสิทธิภาพการเกาะถนนจะแย่ลง ควรใช้ยางขนาดเดียวกันและรุ่นเดียวกันทั้ง 4 ล้อ
[ads]
4. ถ่วงล้อ
เพื่อให้เกิดการกระจายน้ำหนักอย่างถูกต้องของยางรถยนต์ ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดอาการสั่นสะท้านขึ้นขณะที่รถวิ่ง อันจะมีผลเสียต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์ ระบบช่วงล่างของรถ ตลอดจนความสะดวกสบายในการขับขี่ ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนยางใหม่ หรือถอดยางออกจากระทะล้อ เพื่อสลับยางหรือเปลี่ยนยาง ต้องมีการถ่วงสมดุลใหม่เสมอ เมื่อใช้งานไปสัก 40 – 50 % ของอายุการใช้งานยาง ควรถอดมาถ่วงสมดุล
5. ปรับตั้งศูนย์ล้อ
รถที่มีปัญหาศูนย์ล้อที่ไม่ตรงนั้น ตรวจเช็คง่ายๆ คือเมื่อรถวิ่งทางตรงลองปล่อยพวงมาลัยดูถ้ารถเกิดวิ่งเบี่ยงขึ้นมาแปลว่าศูนย์ล้อไม่ตรง และเมื่อศูนย์ล้อไม่ตรงยางรถยนต์ก็จะเกิดการสึกหรอผิดรูป
6. หมั่นตรวจสอบการสึกหรอของดอกยาง
ตรวจสอบความลึกของดอกยางและสลับตามระยะทาง โดยยางที่ดีควรมีดอกยางเหลือไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร และดูว่ามีรอยฉีกขาดการสึกหรอที่ผิดปกติตลอดหน้ายางหรือไม่ ถ้าหน้ายางสึกเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าศูนย์ล้อผิดปกติ แต่ถ้ามีการสึกไม่เรียบเสมอกันตลอดหน้ายางหรือสึกเป็นบั้งๆ อาจเกิดจากระบบช่วงล่างควรรีบแก้ไข เพราะมีผลต่ออาการทรงตัวของรถด้วย
advertisement
7. ใช้งานยางรถยนต์ให้ถูกประเภท
เลือกยางรถยนต์โดยคำนึงถึงจุดประสงค์ในการวิ่ง เช่น วิ่งในเมือง-ทางเรียบ, ชอบออกต่างจังหวัด-ทางขรุขระ, วิ่งแถวภาคใต้-ฝนตกบ่อย ก็เลือกยางที่เหมาะกับสภาพที่ต้องเจอแล้วอายุของยางก็จะมีมากขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
8. รัน-อิน ยางใหม่
ต้องมีการรัน-อิน ยางใหม่ ในช่วง 100-200 กม. ใช้ความเร็วไม่ควรเกิน 80-100 กม./ชม. เพื่อให้โครงสร้างแก้มยางและหน้ายางมีการปรับตัว เพราะยางทุกเส้นถูกผลิตออกมาให้รับกับมุมแคมเบอร์ของล้อเท่ากับ 0 คือตั้งฉากกับพื้น ในช่วงแรกจึงต้องใช้เวลาให้หน้ายางสึกปรับตัวรับกับศูนย์ล้อ
[ads]
9. อายุการใช้งานของยาง
สำหรับเมืองไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ปีหรือ 50,000-60,000 กม. ก็ถือว่ายางเสื่อมสภาพแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและลักษณะการใช้งาน ถ้าใช้งานเกินระยะทางข้างต้น ควรพิจารณาอย่างละเอียดว่าสภาพของยางดีหรือไม่ หลีกเลี่ยงเปลี่ยนยางใหม่แต่เก่าเก็บ เพราะจะทำให้ระยะเวลาในการใช้ยางสั้นลงไปอีก
10. หลีกเลี่ยงนิสัยการขับรถที่ลดอายุยาง
นิสัยการขับขี่ของแต่ละท่าน จะมีผลต่อการสึกของยางก่อนกำหนด ซึ่งควรเลี่ยงนิสัยการขับต่อไปนี้
– ออกรถและหยุดรถอย่างรุนแรง
– การหักเลี้ยวอย่างรุนแรง
– การขับรถปีนขอบถนน
– ขับเบียดฟุตบาท
– การขับโดยไม่หลบหลุม ก้อนหิน หรือสิ่งกีดขวาง
advertisement
ข้อควรระวังในการใช้ยางรถยนต์
– ไม่จอดรถยนต์ทิ้งไว้นานๆ การจอดนิ่งอยู่กับที่น้ำหนักของตัวรถทั้งหมดจะกดลงสู่ยางแต่ละเส้นในจุดเดียว โครงสร้างภายในและแก้มยางจะมีการยืดตัวและเสียความหยืดหยุ่น ยิ่งจอดนิ่งนานๆ โครงสร้างของยางยิ่งมีโอกาสเสียง่ายขึ้น
– หากต้องจอดนานมากทุก 1 สัปดาห์ ต้องสตาร์ทเครื่องและนำรถออกไปวิ่งอย่างน้อย 2-3 กิโลเมตร หรือเดินหน้าถอยหลัง 5-10 เมตรหลายๆ ครั้ง เพื่อให้แก้มยางและโครงสร้างของยางมีการขยับตัว
– หากใช้น้ำยาเคลือบ บางชนิดมีฤทธิ์ต่อเนื้อยางทำให้บวมหรือเปื่อยในระยะยาว ควรเลือกเป็นสารประเภทซิลิโคนจะปลอดภัยกว่า
ถึงแม้ว่ายางรถยนต์ที่คุณเลือกจะมีประสิทธิภาพและคุณภาพดีเพียงใดก็ตาม หากใช้ยางรถยนต์ไม่ถูกต้อง ประสิทธิภาพนั้นก็จะใช้งานได้ไม่เต็มที่และเกิดการเสียหายก่อนกำหนด ดังนั้นยางรถยนต์จะให้ประโยชน์คุ้มค่าทุกด้านอย่างเต็มที่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ยางรถยนต์ที่ถูกต้องนั่นเองค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com