เมื่อเป็นฝ่ายถูก แต่รถโดนชนหนัก ต้องเรียกค่าเสื่อมกับประกัน
advertisement
คุณ mongmui สมาชิกเว็บไซต์พันทิปได้ออกมาโพสต์แชร์ประสบการณ์หลังโดนรถชนหนัก และตัวเองเป็นฝ่ายถูก ซึ่งจากโพสต์นั้นได้ระบุว่า แชร์ประสบการณ์ เมื่อเป็นฝ่ายถูก และรถโดนชนหนัก ต้องเรียกร้องค่าเสื่อมราคากับประกัน
สวัสดีค่ะ เนื่องจากอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ทราบ ว่า หลังจากที่เราโดนรถของคนอื่นนั้นมาเฉี่ยวชน นอกจาก คู่กรณีจะต้องซ่อมรถให้เรากลับมาเป็นดั่งเดิมแล้ว และเรายังมีสิทธิ ใดที่เราสมควรจะได้อีกบ้าง ที่บริษัทประกัน ไม่ได้บอกเรา เนื่องจากว่า เมื่อ กลางเดือน เมษายนที่ผ่านมา สามีได้ขับรถไปทำงานที่ต่างจังหวัด และ ประสบอุบัติเหตุ ด้วยการที่รถคู่กรณี ชนท้าย อย่างแรง ซึ่งรถคู่กรณีนั้นคือรถกระบะ ที่มีความแข็งแรงมากกกกกกกกกกกกกกกกก มาชนตูด แจ๊สน้อยของบ้านเรา บอกเลยว่า "ยับ" เป็นการชนหนัก ที่แบบว่า กินเข้ามาถึง ที่ใส่ยางอะไหล่ หลังคาโครงรถดุ้ง ประตูหลัง ซ้ายและขวา ปิดไม่สนิท และ กระจกหลัง แตกละเอียดดดดดดดดดดดด ยิบ ดังภาพปลากรอบ !!! เอ้ย ประกอบ
advertisement
จากภาพ เหมือนจะไม่เยอะ แต่พอ มาเห็นสภาพแจ๊สน้อยของแม่แล้ว สงสารเลยทีเดียว มันเยินมากกกกกกก ค่ะก็ทำการเคลมประกัน กันไป แต่โชคดีค่ะ ที่ คนไม่เป็นอะไร เลย สามีตัวอ้วน 130 กก. บอกว่าตอนโดนชนนั้น ตูดลอยจากเบาะกันเลยทีเดียว ไปกระแทกพวงมาลัย กลับมา ก็เริ่มมีอาการตอนเช้า ว่า เจ็บหลังเจ็บอกเล็กๆ
advertisement
เช้ามา ก็พาแจ๊สน้อยเข้าศูนย์เลยค่ะ และพาสามีหาหมอต่อ โดนไป 1 เข็ม รักษาเส้นประสาทอักเสบเล็กน้อย ส่วนรถนะเหรอ??? ศูนย์ประเมินมา ว่า ไม่ต่ำกว่า 45 วันในการรักษาอาการนี้ โอ้วววว แม่เจ้า เพราะตัวถังรถคด และสามีมีบอกช่างไปว่าหลังคาดุ้งด้วย เค้าก็ไปตรวจดูอีกที เลยมาบอกว่า หลังคา ต้องดูอีกทีว่า เคาะได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็ ไม่นาน แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยน ก้อาจจะเกิน 60 วัน โอ้ยยย จะเป็นลม แต่ที่แน่ๆ ต้องถอดท้าย ทำใหม่ ด้วยความที่เป็น ศูนย์ เราก็ไว้ใจเนอะ ในการทำของศูนย์
ระหว่างที่รอซ่อมนั้น ก็หาข้อมูลในการที่ว่าเราเสียโอกาสอะไรไปบ้างจากการไม่ได้ใช้รถ คันนี้เป็นระยะเวลานาน บวกกับว่า มีเพื่อนที่เป็นทนาย เคยเล่าประสบการณ์ของมันให้เราฟังว่า รถซีวิค ใหม่ ของมัน ออกมาได้แค่ ไม่ถึงปี โดนชน เละ ทั้งหน้าหลัง ซ่อม 1 เดือนกว่า เหมือนกัน มันเรียกร้อง ตามสิทธิ์ คือ "ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม" และ "ค่าเสื่อมราคารถจากการเกิดอุบัติเหตุ" ค่าสินไหมตัวแรก เพื่อนๆ คงเคยได้ยินอยู่แล้ว แต่บอกเลยหลายคนก็ไม่รู้ ในจุดนี้ว่า เราสามารถเรียกร้อง ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อมได้ไม่ว่าจะซ่อม แค่กี่วันก็ตาม ที่หลายคน ละทิ้ง ตรงนี้เพราะ หลายท่านคิดว่า ยุ่งยาก เนื่องจาก เราต้องเป็นคนดำเนินเรื่องเอง ต้องไปที่บริษัทประกันของคุ๋กรณีเอง ยื่นเอกสารเอง ต่อรองเอง ดังนั้นหลายท่าน ที่ซ่อม แค่ระยะเวลา 3 วัน 5 วัน เลย ไม่ไปดำเนินการ แต่อยากจะบอกว่า ไปเถอะค่ะ ไปใช้สิทธิ์ของตัวเอง เพราะ มูลค่าก็ไม่น้อยนะ ขั้นต่ำ อยู่ที่ 500 บาทต่อวันเลยทีเดียว ส่วนค่าเสื่อมราคา จะอธิบายต่อจากนี้
ผ่านไป 56 วัน ทางศูนย์โทรมาแจ้งว่า รับรถได้แล้ว ดีใจ ว่าจะได้รถกลับคืนมาเสียที วันที่ไปรับ ก็รีบ อันนี้ เราผิดเอง พลาดเอง แต่ ทางศูนย์ ก็ไม่ให้ช่างมา แจ้งรายละเอียดแต่ให้น้องแอดมิน มาแจ้ง รายละเอียดการซ่อม ให้เรา และ เปิดให้ดูรถไม่หมด และบอกไม่หมด ทำให้เราพลาดในการเซ็นต์รับรถ ออกมา [ads]
เมื่อได้รถมาแล้ว เราก็ ดำเนินการตามที่เพื่อนแนะนำในการเรียกร้องค่าสินไหมที่เกี่ยวกับค่าเสื่อมราคารถ ว่า เราต้อง นำรถเรา ไปให้เต๊นท์รถ ประเมินราคา และทำใบเสนอราคาให้เรา ว่าเค้ารับซื้อได้ที่เท่าไหร่ ในส่วนนี้ อาจจะยากหน่อย ถ้าไม่รู้จักกัน เพราะก็ไม่ค่อยมีใครทำให้เท่าไหร่ แต่ก็ให้ได้ราคามา เพื่อ ทำเป็นจดหมาย แล้วนำไปยื่น ที่บริษัทประกัน อย่างแจ๊สของเราคันนี้ รุ่นปี 2014 ตัวรองท๊อป ราคาซื้อขาย ณ วันนี้ เลย ยังอยู่ที่ 3.8 แสน -4.2 แสน ได้อีก อยู่ที่ไมล์กิโล ของรถด้วย แต่ เมื่อเราเอาไปให้เต๊นท์ประเมิน ได้เพียง 2.2 แสน และมีเต๊นท์บางเต๊นท์ ให้เพียง 3 แสนเท่านั้น เพราะอะไรนะเหรอ? เพราะ เมื่อเขาเปิดดูท้ายรถ เค้าบอกเลยว่า สภาพ การซ่อมมานั้น งานหยาบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทำเม็ดอาร์ค (คืออะไรไม่รู้ แต่รู้แค่ว่าอยู่ตรงประตู) หายยย อีกต่างหาก ไอ้เม็ดบ้านี่ก็สำคัญ เห็นสามีบอกแบบนั้น แล้วตรงที่ใส่ยางอะไหล่ ก็โป้ว สีมาแบบ ได้น่าเกลียดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ดูจากรูปปลากรอบ
advertisement
สามีเมื่อเพื่อนบอกแบบนั้น ก็ปวดจิต เพราะความ ผิดพลาดของตัวเอง ที่ไม่ได้ตรวจก่อนรับรถให้ดี ขอบอกเลย ว่า เราก็ไม่คิดว่ามันจะซุกอยู่ใต้พรม แบบนี้ ราคา ยิ่งตกลง แบบเห็นได้ชัด เต๊นท์ที่ให้ 3 แสน นี่ก็ใจดีสุดๆ แล้วนะ เพราะ ก็จะต่อ จะกด ต่อไป อีก อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับเพื่อนๆ ว่า ซ่อมศูนย์ไม่ใช่ดี เสมอไป ก่อนตรวจรับรถทุกครั้งเช็คให้ละเอียดเลยนะคะ
advertisement
เมื่อเราได้ราคา เราก็ ทำจดหมาย เพื่อเรียกร้อง ค่าเสียหายจากบริษัท ประกัน ดังนี้
advertisement
1. ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2563 – 10 มิถุนายน 2563 เป็นจำนวน 55 วัน วันละ 500 บาท เป็นเงิน 27500 บาท
2. ค่าเสื่อมราคารถจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ 100000 บาท
รวมเป็น 127500 บาท
เดี๋ยวมาต่อ ****
พอไปถึงบริษัทประกัน ก็เตรียมเอกสารไป คือ
1. จดหมายเรียกค่าเสียหาย
2. เอกสาร ราคาขายกลางใน internet เพื่อประกอบ การเรียกร้อง
3. สำเนาบัตรประชาชน
4. เอกสารรับรถจาก ศูนย์ หรือ อู่
เราก็เดินทางเอกสารไปยื่น ที่บริษัทประกัน ขั้นตอน ของการต่อรองก็เกิดขึ้น คนแรก ก็มาคุย บอกในส่วนของค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถนั้น ให้ได้แค่ 30 วัน เท่านั้น เรากับสามีก็มองหน้ากัน แล้วก็บอกว่า รถมันซ่อมจริงๆ คุณ เราว่า 55 วัน ตัดวันรอคอย ออก 25 วันมันเกินไปนะ
พนักงานก็เดินออกไปคุยใหม่ แล้วกลับมาบอกว่า ได้เต็มที่อีก 5 วันจริงๆ รวมเป็น 35 วัน เอ้า หยวน เพราะ ระยะเวลารอคอยอนุมัติ มันก็มีเราก็เข้าใจได้ บวกกับวันหยุด ช่วงเดือน พค มีติดๆ กัน เยอะ เอ้า ทำใจรับสภาพ สรุป ได้มา 35 วัน 17500 บาท
ทีนี้ เค้าก็ทำเอกสารมาให้เราเซ็นต์ ตรงจุดนี้แหละ บอกเลยว่า ถ้าใครจะเรียกร้องค่าสินไหม ที่เป็นค่าเสื่อม ต้องอย่าเซ็นต์ หรือถ้าเซ็นต์ คุณต้องขีดฆ่า คำว่า "ข้าพเจ้าไม่ติดใจเอาความ และจะไม่ฟ้องร้องใดๆ ต่อ คู่กรณี และบริษัทประกันของคู่กรณี" ข้อนี้ เพื่อนทนายบอกมา ว่า ถ้าเราเซ็นต์ยินยอม เราจะไปฟ้องร้องต่อศาลไม่ได้อีกเลย ซึ่งพนักงานเองก็พยายาม หว่านล้อมบอกว่า มันคนละส่วนกัน ลงระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าขาดประโยชน์
แต่ เพื่อนทนายบอกว่า ลองอ่านข้อความดีๆ ว่า มันเกริ่นมาก่อนว่า มูลเหตุมันมาจากการเกิดอุบัติเหตุเดียว ดังนั้น ถ้าเรายินยอมจากข้อนี้ แปลว่าเรายอมรับและสิ้นสุดแล้ว
เราเลยบอกว่าไม่เซ็นต์ ถ้าจะให้เซ็นต์ พี่จะขีดฆ่า ประโยคนี้ พนักงานบอกขีดฆ่าไม่ได้พี่ งั้น เรียกค่าเสื่อมมาคุยให้จบ ก่อน แล้วถึงจะเซ็นนต์
ถ้าค่าเสื่อมคุยไม่จบ พี่จะได้ไปร้อง คปภ ทีเดียว เงินรอรับพร้อมกันก็ได้ พนักงานเลยบอกเอางี้พี่ งั้น ผมเขียนเพิ่มเติมให้ ว่า "การเรียกร้องส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับค่าเสื่อม" เราเลยเพิ่มเติมต่อท้ายว่า "ที่ยังติดใจเอาความ" จบลง และยินดีเซ็นต์เอกสาร รับเงิน 17500 บาทมาก่อน
พนักงานก็พยายามหว่านล้อมบอก พี่เซ็นต์ รับเงินอันนี้ก่อนได้ เราเลยบอกไปชัดเจนว่า พี่รอรับเงินพร้อมกันได้ค่ะ พนักงานคนที่ 2 จึงเข้ามาคุยเรื่องค่าเสื่อมราคารถ แล้วบอกว่า อันนี้ผมพูดตรงๆ นะครับ "ยาก" เอางี้ บริษัท "ช่วย" ตรงนี้ให้ 1 หมื่นบาท โว๊ะ เรียกไป 1 แสน ได้กลับมา 1 หมื่น
สามีเลยบอกว่า รับไม่ได้ เค้าก็ถามกลับมาว่า รับได้ที่เท่าไหร่ ทางเราเลยตอบไปว่า 65000 เขาก็บอกกลับมาว่า ขอเวลา 15 วันในการ พิจารณา แต่ เด็กที่เป็นคนมาคุยกับเราก็บอกตรงๆว่า "ยาก" นะพี่ ไม่ค่อยมีจ่ายหรอก เพราะมันต้องไปหาข้อมูลมาแย้งกันไปมา แต่เขาบอกวิธี มาวิธีนึงคือ ถ้าพี่คิดจะขายจริงๆ ผมแนะนำ พี่ขายเลย (เหมือนท้าทาย) แล้วเอาราคาที่ขายได้ มาเรียกค่าส่วนต่าง ที่มันเกิดขึ้นแน่นอน กับเรา อันนี้ปฏิเสธจ่ายค่อยข้างยาก
คือสามีเราอ่ะคิดมาอยู่แล้วว่า หลังจากเห็นสภาพรถ และการซ่อมมาแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจและไม่ชอบใจ เป็นทุน เค้าก็คิดว่า เราทำจำนำเล่มทะเบียนรถไว้ ต้องผ่อนเดือนละ 8300 บาท อีก 3 ปีครึ่ง ถ้าเราขาย แล้ว ดาวน์คันใหม่ ผ่อน 4 ปี เท่ากัน สู้ผ่อนจบแล้วได้รถยังสภาพใหม่ดีกว่ามั้ย? คิดได้แบบนั้น สามีก็จัดการขาย รถเลยจร้า หาเต๊นท์ที่รับซื้อ มากที่สุด ตอนแรก ได้ที่ 3.3 แสน พอมาดูรถ ก็โดนต่อรองไปมา สรุปสุดท้ายได้ที่ 3.1 แสน แต่ๆๆๆๆๆๆ วันที่นัดมารับรถ และไปปิดสินเชื่อ เอาเล่มไป นั้นก็กะจะมาหักคอที่หน้างานอีก จร้า เหลือ 3 แสนถ้วนๆ เราเลยพูดไปว่า 307000 เต็มที่ ถ้ายังคิดจะต่อและไม่เอา ก็จะกลับ จริงๆ จะถามตั้งแต่ก่อนมาแล้วนะ ถ้าจะมาต่อรองหน้างานอีก ไม่ต้องมา เสียเวลา ต้องลางาน เต๊นท์เลย ได้ๆๆๆ ก็ตามนี้ สรุปขายได้ที่ 307000 เราก็เลยรีบส่งเอกสารซื้อขาย และใบปิดจบ ให้ประกัน ได้คำพูดมาว่า "เฮ้ยพี่ขายจริงๆเหรอ" แล้วก็เอาเรื่องไปถามนายมันมา ได้คำตอบมาอย่างเร็วว่า
"พี่ๆๆๆๆๆๆ สุดๆๆๆ เลยนะ 50000 บาท"
เราก็ถามสามี จริงๆ มันเป็นเลขที่เราตั้งในใจเพื่อโดนต่อรองอยู่แล้ว ก็เลยตกลง แล้ววันุรุ่งขึ้นก็ ไปเลยจร้า เซ็นต์เอกสารรับทราบ นัดวันจ่ายกันเลยทีเดียว โดยที่ไม่ต้องต่อรองอะไรใดๆ อีก จบ ได้ง่ายดาย อาจจะเพราะเราขายจริง เห็นค่าเสื่อมสภาพ ราคาจริง ดื้อดึงไม่จ่าย เราไปฟ้อง ก็คงโดนอยู่ดี เพราะ เหตุมันเกิดแล้ว
ที่อยากจะมาแชร์คือ หาก บ้านไหน โดนชนหนักมา อย่าลืม ว่าเรามีสิทธิ ที่จะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมพวกนี้ได้ แต่บางเคสอาจจะยาก หน่อยเพราะมันต้องพิสูจน์ แต่เราพิสูจน์ราคาตกด้วยการ ขาย
ที่เรายอมขายเพราะ จริงๆ ต้องการปลดระวางรถคันนี้แล้ว เพราะ ตอนแรกบ้านเรามีรถคันเดียว คือคันนี้ สามีวิ่งงานเซลล์ ไมล์ 190000 แล้ว และก่อนหน้าเกิดเหตุเราเพิ่ง ออกรถใหม่มา 1 คันได้ 2 เดือน เพื่อที่จะทดแทนกัน แล้วให้เราใช้คันเก่าในการไปทำงาน ไปกลับบ้านอย่างเดียว แต่ดันมาเกิดเหตุนี้เสียก่อน เราเลยประเมินแล้วว่า "ขาย" น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
ลองพิจารณากันดูนะคะ ว่า บ้านไหนทำแบบไหนกันได้ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบ้านด้วยจร้า แต่สำคัญ อย่าลืม "ค่าขาดผลประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม" นะคะ อันนี้ ได้ทุกคน ประกันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธการจ่ายเงินเลยจร้า