ริมฝีปากแห้ง แตกและลอก..รักษาอย่างไร?
advertisement
ริมฝีปาก นอกจากจะมีหน้าที่สำคัญในเรื่องการกิน การออกเสียง การพูด มีส่วนเกี่ยวกับประสาทสัมผัสรับความรู้สึกที่ดีมากสิ่งหนึ่ง และส่งผลต่อความสวยงามของใบหน้า ดังนั้นริมฝีปากก็ควรจะมีสุขภาพดีอยู่เสมอนะคะ แต่ปัญหาริมฝีปากแห้ง แตกและลอก หรือเป็นแผลก็สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยๆ อยู่เหมือนกัน สาเหตุเกิดจากอะไร และมีวิธีการรักษาอย่างไร? ไปหาคำตอบพร้อม Kaijeaw.com กันค่ะ
สาเหตุที่ริมฝีปากแห้ง หรือแตกง่ายกว่าบริเวณอื่น เนื่องจากบริเวณริมฝีปากไม่มีต่อมไขมัน เพื่อเคลือบป้องกันผิวไม่ให้น้ำระเหยออกไปเหมือนส่วนอื่นของผิวหนัง และเป็นส่วนที่ต้องสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่ม รวมทั้งสารเคมีต่างๆ
สาเหตุและวิธีแก้ริมฝีปากแห้ง
1) ดื่มน้ำน้อยเกินไป การดื่มน้ำน้อยจะทำให้ผิวทั่วร่างกายรวมทั้งริมฝีปากจะแห้ง เพราะขาดน้ำ ที่ทำหน้าที่สำคัญในการเติมความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ และการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์
วิธีแก้ โดยปกติแล้วควรดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อยก็วันละ 8 แก้ว ยิ่งในคนที่มีปัญหาริมฝีปากแห้ง ก็จำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำให้มากขึ้น น้ำที่ดี่ที่สุดคือน้ำเปล่า หรือจะเสริมเป็นน้ำผลไม้คั้นสดๆ ก็ดีค่ะ
2) ติดนิสัยเลียริมฝีปากบ่อยๆ ในช่วงแรกอาจรู้สึกว่าริมฝีปากชุ่มชื่น แต่สักพักริมฝีปากจะแห้ง เนื่องจากน้ำระเหยไปและเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ช่วยย่อยอาหารในน้ำลายจะทำให้ริมฝีปากแห้งมากยิ่งขึ้น
วิธีแก้ ใครที่เป็นอยู่ให้เลิกนิสัยเลียริมฝีปากนี้ซะนะคะ หากรู้สึกว่าปากแห้งให้ทาลิปมันบ่อยๆ แทนค่ะ
3) แสงแดดและรังสี การถูกแสงแดดเป็นเวลานานต่อเนื่องกัน ทำให้ริมฝีปากสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต(UV) เป็นสาเหตุให้ริมฝีปากถูกทำร้าย หรือการฉายรังสีจากการรักษา ซึ่งเป็นตัวทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดรอยเหี่ยวย่น
วิธีแก้ ควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่มีแสงแดดจัดๆ หากจำเป็นให้หาวิธีการป้องกัน เช่นทาลิปบำรุงที่มีค่าspf กางร่ม ใส่หมวก ใช้ผ้าคลุม เป็นต้น
[ads]
4) สภาพอากาศ ไม่ว่าจะอากาศร้อนและมีลมแรง หรือ อากาศเย็นและแห้ง มีผลทำให้ริมฝีปากแห้งหรือแตกเป็นขุยมากยิ่งขึ้น
วิธีแก้ ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ หรือเพิ่มความชื้นบริเวณรอบตัว โดยวางน้ำสักแก้วไว้ใกล้ๆ เครื่องปรับอากาศ และทาลิปบำรุงที่มีสารสกัดจากธรรมชาติอยู่เสมอ
5) แพ้สารบางอย่าง เป็นไปได้ว่าสารบางอย่างในลิปสติกหรือเครื่องสำอาง เช่นสารประกอบที่ทำให้เกิดปัญหาที่สุดคือ สี กลิ่น น้ำหอม ลาโนลิน (สารที่ให้ความชุมชื้น) และสารกันบูด ทำให้คุณเกิดอาการแพ้ รวมถึงละอองจากสเปรย์น้ำหอมหรือ น้ำยาต่างๆ
วิธีแก้ คุณควรหาให้เจอว่าคุณแพ้อะไร แล้วเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพริมฝีปากของคุณ รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ชนิดอ่อนโยนจะดีที่สุด
6) การขาดสารอาหารวิตามินที่สำคัญ สารอาหารวิตามินทุกชนิดมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย อย่างเช่นคนที่ขาดวิตามินบี ริมฝีปากจะแตกง่ายกว่าคนทั่วไป เพราะวิตามินบีมีความสำคัญต่อความสมบูรณ์ของผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ
วิธีแก้ รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ หากสังเกตว่าตนเองขาดวิตามินบีควรเน้น อาหารจำพวก ข้าวกล้อง ตับ ผักใบเขียว เมล็ดอัลมอนด์ ถั่วลิสง หรือ มะม่วงหิมพานต์ ซึ่งมีวิตามินบีสูง
7) อาการร้อนใน เนื่องจากอาการร้อนในเป็นสาเหตุทำให้น้ำในร่างกายสูญเสียมากขึ้น รวมทั้งริมฝีปากด้วย
วิธีแก้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดและอาหารที่มีกรดหรือมีรสเปรี้ยว รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำให้มากขึ้น ดื่มน้ำตะไคร้หอมเป็นตัวช่วยที่ดี เนื่องจากมีสรรพคุณแก้ร้อนในกระหายน้ำ จิบแทนน้ำ ช่วย แก้ริมฝีปากแห้งแตกจากอาการร้อนในได้
8) ริมฝีปากไม่สะอาด หลังจากรับประทานอาหารแล้วไม่ทำความสะอาดให้ดี เศษอาหารคราบน้ำลายก็จะทำลายความชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก โดยเฉพาะอาหารที่มีกรดสูง เช่น น้ำอัดลม ผลไม้รสเปรี้ยว
วิธีแก้ เมื่อรับประทาน อาหารหรือเครื่องดื่มเสร็จแล้ว ให้ทำการเช็ด ล้างปากให้สะอาด และอย่าลืมทาลิปเพื่อบำรุงริมฝีปากด้วยทุกครั้งนะคะ
9) วัยที่มากขึ้น เช่น วัยสูงอายุ วัยทอง ซึ่งต่อมเหงื่อ ต่อมไขมันจะทำงานได้น้อยลง จึงทำให้บริเวณริมฝีปากแห้งตามไปด้วย เพราะน้ำลายก็ไม่ค่อยมี
วิธีแก้ หมั่นบำรุงริมฝีปากด้วยลิปมันเลือกชนิดที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อะโลเวร่า น้ำผึ้งเป็นต้น และหลังรับประทานอาหารก็อย่าลืมทำความสะอาดด้วยนะคะ
10) ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง สารทำให้เกิดฟอง สารที่มีรสเผ็ดซ่าในยาสีฟัน และสารสร้างความสดชื่น สิ่งเหล่านี้ก็ก่อให้เกิดการแพ้ หรือทำให้ริมฝีปากแตกได้เช่นกัน โดยมักเกิดขึ้นร่วมกับการมีแผลในช่องปาก
วิธีแก้ ส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเปลี่ยนไปใช้ยาสีฟันยี่ห้อใหม่ รวมไปถึงน้ำยาบ้วนปากที่เกิดจากการแพ้สารแต่งรส แต่งกลิ่นต่างๆ แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน และเช็ดล้างริมฝีปากให้สะอาดทุกครั้งรวมทั้งทาลิปมันเพื่อบำรุง
[yengo]
การดูแลริมฝีปากให้สุขภาพดีอยู่เสมอ
1) ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ หรือจิบน้ำให้บ่อยๆ ในระหว่างวัน
2) รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดสารอาหารประเภทวิตามินบี
3) หาก ปากแห้งมากๆ แตกจนลอกเป็นขุย ให้ใช้น้ำอุ่นผสมเกลือป่นเล็กน้อยใช้สำลีหรือทิชชู ชุบให้เปียกพอหมาดๆ แล้วใช้ปากคาบทิ้งไว้ 3-5 นาที หรือเช็ดเบาๆ ไปบนริมฝีปาก จะช่วยให้ขุยต่างๆ หลุดลอกออกไปได้
4) หมั่นใช้ขี้ผึ้ง แทนลิปกลอสหรือลิปมัน ทาบนริมฝีปากเป็นประจำ
5) ทาลิปมันที่มีสารป้องกันแสงแดดก่อนออกจากบ้าน ในตอนเช้าและระหว่างวันเป็นประจำ
6) น้ำมันมะกอกช่วยดูแลรักษาริมฝีปาก โดยใช้ทาบางๆ ที่ริมฝีปากจะทำหน้าที่เสมือนแผ่นฟิล์มธรรมชาติช่วยปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงไป บรรเทาอาการแห้งตึงและเจ็บริมฝีปากจะรู้สึกสบายและนุ่มขึ้น วิตามินอี วิตามินเอในน้ำมันมะกอกยังช่วยป้องกันการทำลายจากแสงแดด และอนุมูลอิสระได้ดีอีกด้วย
7) ทาน้ำผึ้งบางๆ ให้ทั่วริมฝีปาก จะช่วยคืนความชุ่มชื่น นุ่มนวลให้กับริมฝีปาก ด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ในน้ำผึ้ง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ และอุดมด้วยสารฆ่าเชื้อและป้องกันการติดเชื้อได้ ในกรณีที่ปากแตกมากจะช่วยให้ไม่เกิดการอักเสบ และช่วยสมานแผลให้หายเร็ว
8) ทาวาสลินขาว ( White Petrolatum ) เพื่อเคลือบผิวของริมฝีปาก ช่วยลดการระเหยของน้ำ และการระคายเคือง
เพราะริมฝีปากเป็นอะวัยวะที่สำคัญ และต้องการการดูแลบำรุงรักษาเช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ นะคะ ดังนั้น หากว่าใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับริมฝีปาก ลองหาต้นเหตุ ที่แท้จริงของปัญหาและลงมือจัดการแก้ไข ทำได้โดยวิธีการที่เราได้แนะนำไป หรือหากว่าใครที่อยากจะมีริมฝีปากสวยอย่างสุขภาพดี ต้องเริ่มดูแลบำรุง และปกป้องริมฝีปากจากมลภาวะทั้งหลายด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com