รีวิวห้องเก็บเสื้อผ้า ฉบับสาวของเยอะทิ้งไม่ลง จัดยังไงให้เป็นระเบียบ
advertisement
คุณ Janeny Jane ได้ออกมาแบ่งปันไอเดียห้องเก็บเสื้อผ้า สำหรับคนที่ชอบซื้อเสื้อผ้าเยอะจนไม่มีที่จะเก็บ โดยจากโพสต์นั้นได้ะบุรายละเอียดว่า 'โพสรีวิวพลีชีพห้องเสื้อผ้าาาาา สายมินิมอลหลบไป สายเศรษฐีหรูหรา ออกไปก่อน เพราะนี่คือออออ พื้นที่ของคน >>สายเยอะ!! สายทิ้งไม่ลง! สายของรักของชั้น! สายซื้อไว้ก่อน ไม่ได้ใส่ไม่เป็นไร! สายของมันต้องมี เทรนด์กำลังมา! สายเปลี่ยนชุดตามฤดูกาล! สายบ้านๆคนธรรมดาๆ ที่ขอแต่งห้องตามเท่าที่มี! ขอพื้นที่ให้คนของเยอะนิดนึงนะคะ นี่คือห้องเสื้อผ้าของเราเองและสามีค่ะ ทางโครงการบ้านที่ซื้อ ทำห้องเสื้อผ้าไว้ให้หลืบแค่นี้ เชื่อมติดกับห้องนอนและห้องน้ำ เราเลยจะมารีวิวห้องเสื้อผ้าสำหรับสายเยอะอย่างเรา ที่ชอบซื้อ ชอบแต่งตัว ซื้อเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ แถมหุ่นเราไม่เคยเปลี่ยน 10ปีที่แล้วเคยใส่ไซส์ไหน ตอนนี้ก็ยังใส่ไซส์เดิมได้
advertisement
ดังนั้นเสื้อผ้าที่มีสามารถเก็บไว้ได้ ไม่ต้องโละทิ้งเพราะใส่ไม่ได้เหมือนคนอื่น ดังนั้นเราเลยดูเยอะกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เราโละเสื้อผ้าบริจาคตามสมควรอยู่นะคะ เช่นเสื้อยืด เสื้อแขนยาว โปโล เสื้อกันหนาว กางเกง ฯลฯ ให้พี่น้องในพท.ห่างไกล เช่นคนบนดอย ดังนั้นเดรสสวยๆแนวแฟชั่น เราจะไม่ค่อยบริจาคค่ะ เพราะบริจาคไปเค้าก็ไม่ได้ใส่แบบนี้อยู่แล้ว จะใช้วิธีโละชุดที่ไม่ชอบและไม่คิดว่าจะใส่ซ้ำอีกแยกต่างหาก สำหรับส่งต่อค่ะ(มีภาพประกอบด้านล่าง) ทั้งหมดในห้องเสื้อผ้าที่มีคือที่คิดว่าจะยังใส่อยู่ และยังจำเป็นอยู่สำหรับเรานะคะ (ไม่มาดราม่ากะเราทีหลังนะคะ) ตามไปดูสายเยอะอย่างเรา ว่าเราจัดการเสื้อผ้ายังไงบ้าง ไปดูกันค่ะ คำอธิบายใต้รูปเล้ยยยยย'
1. ห้องเสื้อผ้า ที่มีแต่ของจำเป็น ใส่หมด ไม่มีไม่ใส่ แต่กว่าจะวนมาใส่อีกครั้ง อาจใช้เวลานานหน่อยเท่านั้นเองค่ะ เนื่องจากห้องเล็ก จึงต้องเลือกตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน จะได้ไม่เกะกะเวลาเปิดปิดค่ะ เนื่องจากตอนจะย้ายเข้าบ้านไม่มีเวลา สำหรับรอทำตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน ตอนนั้นอยู่บ้านเช่า ต้องรีบย้ายออกตามสัญญา บ้านหลังใหม่ก็ต้องเริ่มจ่ายค่าผ่อนแล้ว ถ้ามัวรอบิ้วท์อิน ต้องจ่ายเดือนหนึ่ง2เท่า ไหนจะค่าบิ้วท์อินอีก กลายเป็นจ่ายคูณ3 ไม่ไหวค่ะ ตอนนั้นเงินน้อย เลยคิดว่า ซื้อตู้มาก่อน พอให้ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านก่อน อนาคตค่อยว่ากัน ในห้องเสื้อผ้านี้มีทั้งหมด 6ตู้ค่ะ เลือกแบบบานเลื่อน เพราะห้องเล็ก ประหยัดพื้นที่ดีค่ะ
advertisement
2. ตู้เสื้อผ้า อีก 1ตู้ ข้างเตียงในห้องนอนค่ะ ตู้นี้ตู้ใหญ่ สูงกว่าตู้อื่นๆในบ้าน เป็นตู้จากindex เลยเอาไว้ใส่ชุดยาวๆ หรือชุดออกงานที่นานๆทีได้ใส่ เลยไม่ต้องเปิดตู้บ่อยๆ
advertisement
3. ชุดยาวๆ ชุดออกงานที่ไม่ได้ใส่บ่อยๆ จะแยกไว้ตู้นี้ค่ะ (ตู้ข้างเตียง)
advertisement
4. ตามคาดค่ะ พอย้ายมาอยู่บ้านใหม่ แรกๆ ตู้เสื้อผ้าก็พอใส่ หลังๆ เริ่มไม่พอใส่เสื้อผ้าแล้วค่ะ มีราวงอกออกมากลางห้อง แรกๆเอาไว้แขวนเสื้อผ้ารอเก็บเข้าตู้ หลังๆอยู่ยาวคงกระพัน เพิ่มเติมงอกมาอีกราวด้านใน
advertisement
5. อยู่ไปอยู่มา ตู้ในห้องเริ่มไม่พอแขวน เราเลยทำ ราวแขวนเพิ่มเติมไว้บนตู้ สำหรับเสื้อผ้าที่สั้น ไม่ยาว ไม่จำเป็นต้องแขวนในตู้ เช่น เสื้อกล้าม กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้น เสื้อยืด ชุดออกกำลังกายพวกนี้ค่ะ จริงๆพวกนี้พับไว้ในตู้ก็ได้นะคะ แต่เราชอบให้มองเห็นมากกว่า ไม่งั้นจะลืมว่ามีอยู่ โอกาสจะหยิบมาใส่จะบ่อยกว่าพวกที่พับหมกไว้ในตู่ค่ะ
advertisement
6. ราวแขวนบนตู้ ใช้เหล็กกัลวาไนท์ เค้าเคลมว่าไม่ต้องพ่นสีก็ได้ ซื้อเหล็กมาจากร้าน วัดขนาดที่ต้องการ ตัด และเชื่อม ยกมาวางได้เลยค่ะ ทำโดยคุณพ่อเราเอง ท่านเป็นอดีตคุณครู เกษียณแล้ว ไม่ใช่ช่างหรอก แต่พ่อเราทำได้ทุกอย่าง เลยขอให้พ่อทำให้ ถูกใจใช่เลย เรากับพ่อแม่อยู่คนละจังหวัดด้วยนะ อาศัยไปเยี่ยมบ่อยๆ หาเรื่องไปให้พ่อทำวัดขนาดที่ต้องการ แล้วบอกพ่อ พ่อก็จัดให้ค่ะ แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก พอเอาเสื้อผ้าแขวนไป ก็มองไม่เห็นแล้วว่าราวเป็นแบบไหน เสื้อผ้าบังมิดดดดด
advertisement
7. เพิ่มเติมราวพิเศษบนตู้ หลังๆเราเอาผ้าคลุมด้านบนกันฝุ่นไว้หน่อยค่ะ เพราะบางทีราวเปิดโล่งแบบนี้ ถ้าไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ ฝุ่นก็เยอะเหมือนกัน
8. หาซื้อบันไดเล็กๆไว้ เอาไว้หยิบเสื้อผ้าบนราวเสริมบนหลังตู้ ใช้เสร็จก็พับเก็บไว้ได้ ไม่เกะกะค่ะ
advertisement
9. แต่ละตู้ก็แยกไว้เลย ว่าเอาไว้ใส่อะไร เสื้อ เดรส กางเกง/กระโปรง จะได้หาง่าย ตู้ไหนตู้นั้นไปเลยค่ะ ส่วนช่องว่างในตู้ก็สุดแล้วแต่ ว่าสะดวกเอาอะไรมายัดไว้ได้บ้าง [ads]
10. ตู้แยกเฉพาะกางเกง
advertisement
11. ลิ้นชักเล็กๆในตู้ สะดวกใส่อะไรก็ใส่ไป แต่ต้องจำให้ดี ไม่งั้นมีลืมค่ะ นานๆที ถึงจะได้เปิดที เพราะเราจะเอาไว้ใส่ของที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ อาศัยพับแบบนี้ ไม่เอาทับกัน จะได้มองเห็นเวลาเปิดออกมาค่ะ
12. ลิ้นชักชุดชั้นในของเราเอง แยกออกมาต่างหาก ส่วนของสามี มีน้อย เลยแยกใส่ลิ้นชักอีกที่นึงค่ะ ชั้นที่1บนสุด ใส่กกน. ชั้นที่2 เสื้อชั้นใน ชั้นที่3 เสื้อชั้นในเข้าเซ็ท ชั้นที่4 ผ้าพันคอ ชั้นที่5 เสื้อซับใน และกางเกง/กระโปรงซับในค่ะ ถ้าไม่มีเจ้าชั้นนี่ ห้องก็คงโล่งขึ้น (ยกมาจากบ้านเก่า ไม่ได้ซื้อใหม่ อย่าได้ถามหาความเข้าเซทใดๆ) แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่รุ้ว่าจะเชดหัวพวกนี้ไปไว้ไหนได้อีก ตามมีตามเกิดไม่ให้รกออกมาข้างนอกก็พอค่ะ
advertisement
13. พวกของในลิ้นชัก จะเน้นพับเก็บแนวตั้ง ให้หาง่าย หยิบง่ายค่ะ
14. บนลิ้นชัก ก็แอบเอาลิ้นชักพลาสติกมาวาง ไว้ใส่เครื่องประดับ ที่เกินมาจากแถวๆโต๊ะแต่งหน้า
15. โต๊ะแต่งหน้า ข้างเตียงนอน ในห้องนอนค่ะเคยรีวิวโต๊ะแต่งหน้าในห้องนี้นานมาแล้ว ถ้าอยากเห็นแบบละเอียดว่าเราจัดวางยังไงบ้าง ลองค้นหาชื่อเราดูในนี้ได้ค่ะ โพสนั้นน่าจะยังอยู่นะคะ
16. ถ้ามีชุดที่ซื้อมาใหม่ เรามักจะเอามาแขวนไว้หน้าประตู ให้มองเห็นง่ายๆ เตือนตัวเองว่า ให้เอามาใส่ ก่อนจะไม่ได้ใส่ค่ะ พอได้ใส่แล้วค่อยเอาไปเก็บไว้ในห้องเสื้อผ้า
17. ตู้นี้ใส่เฉพาะเสื้อผ้ากันหนาว เวลาไปเที่ยวเมืองหนาวๆ ของเราและสามี แยกคนละตู้ เอาไว้ในห้องนอนแขกที่แทบจะไม่มีแขกมานอน ช่วงนี้ก็คงปิดไว้ยาวๆ ไปก่อน โอกาสเที่ยวคงน้อยค่ะ ไม่รู้จะได้ไปเที่ยวเมืองหนาวอีกเมื่อไหร่เนอะ คิดถึงอากาศหนาวๆ
18. ชุดซักแล้ว รอรีด ก็จะเอามาแขวนรอรีด ในห้องนอนแขก ที่ไม่มีใครมาใช้ค่ะ ว่างๆ ค่อยทะยอยเอามารีด แล้วค่อยเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัว
19. จะพยายามใช้ไม้แขวนเสื้อสีเดียวกันทั้งหมด เพื่อไม่ให้ดูรกหูรกตาค่ะ แต่บางตู้ก็อาจมีไม้แขวนปนกันไปข้างตามน้ำหนักของเสื้อผ้า ส่วนใหญ่ที่บ้านจะใช้ไม้แขวนพลาสติกเบาๆ กับเสื้อผ้าเบาๆ เพราะแขวนทีก็ยัดเต็มตู้แบบที่เห็น กันราวผ้าหักได้ในระดับหนึ่งค่ะ
20. พวกนี้คือเสื้อผ้าที่ไม่คิดว่าจะใส่ซ้ำแล้ว เตรียมเอามาปล่อยส่งต่อค่ะ โละออกมาจากห้องเสื้อผ้า แต่มาระรานห้องอื่นๆในบ้านอีกที หวังว่าจะทวงคืนห้องนั่นเล่นได้เร็วๆนี้ค่ะ
หมดแล้วค่ะ “อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน กันไปก่อน” มีตังค์ และมีเวลาเมื่อไหร่ ค่อยขยับขยาย ให้ดูดีขึ้นกันต่อไปค่ะ ขอบคุณที่ติดตามและแวะมาดูนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก : Janeny Jane