“ลิ้นจี่” ผลไม้เป็นยา แก้กระหายน้ำ ช่วยต้านมะเร็ง!!
advertisement
“ลิ้นจี่” ด้วยรสชาติที่หวานหอม อร่อย ชื่นใจ เหมาะกับช่วงอากาศร้อนๆ เป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะทานเป็นผลไม้สดๆ แล้วล่ะก็ ยังสามารถทำเป็นผลไม้อบแห้ง น้ำลิ้นจี่ หรือขนมต่างๆ ได้ ไม่ใช่แค่รสและกลิ่นเท่านั้นที่ใครๆ ต่างชื่นชอบ ในลิ้นจี่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย ที่สำคัญคือมีวิตามินซีสูงมาก และแทบจะไม่มีไขมันเลย สาวๆ ทานได้ไม่ต้องกลัวอ้วนกันเลยค่ะ
advertisement
อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย
– กินลิ้นจี่เพียงวันละ 3 ผลก็ได้วิตามินซีครบถ้วนตามความต้องการใน 1 วัน เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ช่วยบำรุงหลอดเลือด กระดูกและฟัน
– วิตามิน บี 1 ในลิ้นจี่ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยให้ ร่างกายเจริญเติบโตป้องกันไขมันอุดตันในหลอดเลือด
– มีแคลเซียมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังมีไนอะซีน ช่วยเปลี่ยนน้ำตาลและไขมันให้เป็นพลังงานช่วยระบบย่อยอาหารได้อีกด้วย
– ไขมันต่ำมาก ลิ้นจี่ 1 ถ้วย (6 ผล ไม่แกะเมล็ดออก) ให้พลังงาน 125 แคลอรี มีไขมันน้อยกว่า 1 กรัม
– มีงานวิจัยในประเทศจีนพูดถึงการสกัดสารฟลาโวนอยด์ที่มีมากมายในเปลือกและเนื้อลิ้นจี่ ว่าสามารถช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม และช่วยยับยั้งผลต่อเนื่องในการแทรกตัว การยึดเกาะพื้นผิวของเซลล์มะเร็งได้[ads]
advertisement
– เนื้อในผล กินเป็นยาบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง แก้กระหายน้ำ แก้อาการคัดจมูก รักษาอาการท้องเดิน ลดกรดในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการไม่ปกติของระบบทางเดินอาหาร
– เปลือกลิ้นจี่ ในประเทศจีนมีการนำมาทำเป็นชาดื่มเพื่อบรรเทาอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส แก้บิด แก้ผดผื่น
– เมล็ดแห้ง ควรนำมาบด คั่วให้แห้งโดยผสมด้วยน้ำเกลือ แล้วจึงเติมน้ำลงไปต้ม น้ำดื่ม หรือทำเป็นผง รับประทานหรือใช้ ผงยาพอกบริเวณมีอาการปวดบวม
– รากลิ้นจี่ หรือเปลือกต้นใช้แก้อาการติดเชื้อไวรัส อีสุกอีใส และเพิ่มความสามารถระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลิ้นจี่มีปริมาณเส้นใยอาหารสูง มีปริมาณพลังงาน ต่ำ และเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติช่วยเผาผลาญสารอาหารในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ[ads]
advertisement
สำหรับผู้ที่ยีนบกพร่อง คือ มีอาการ เวียนหัว ตาลาย มีเสียงในหู ปวดเมื่อยเอว ร้อนอุ้งเท้า ปากคอแห้ง ลิ้นแดง มีฝ้าน้อย ควรหลีกเลี่ยงการทานลิ้นจี่ และถ้าหากทานลิ้นจี่มากเกินไปจะทำให้เกิด “โรคลิ้นจี่” ซึ่งมีอาการหัวใจเต้นเร็ว แขนขาไม่มีแรง มึนหัว หน้ามืดตาลาย เป็นต้น ถ้ามีอาการดังกล่าว ให้เอาเปลือกลิ้นจี่ ต้มกิน อาการก็จะหายไป (ควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
“ลิ้นจี่” เป็นผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันดี มีประโยชน์ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ ขอแนะนำเลยนะคะสำหรับสาวๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงรักษาหุ่น ทานลิ้นจี่ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่อ้วนแน่นอนค่ะ แถมช่วยให้ผิวพรรณสวยกระจ่างใสด้วยวิตามินซีสูง และที่สำคัญดีต่อสุขภาพมากๆ เลยค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : ไข่เจียว.com