วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกครั้งแรกของประเทศไทย
advertisement
ประเทศไทย หนึ่งใน 14 ประเทศจดทะเบียนและอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกครบทั้ง 4 สายพันธุ์
ไข้เลือดออก เป็นอีกหนึ่งมหันตภัยร้ายที่สร้างภาระและปัญหาในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย มานานกว่า 5 ทศวรรษ โดยประชากรกว่าครึ่งโลกล้วนอาศัยอยู่ในเขตที่ไข้เลือดออก สามารถระบาดได้ นอกจากนี้ในแต่ละปีพบว่า มีผู้ติดเชื้อไข้เลือดออกทั่วโลกกว่า 400 ล้านราย โดยแนวโน้มการระบาดของไข้เลือดออกนั้นเพิ่มมากขึ้น ถึง 30 เท่าในระยะเวลา 50 ปี และแต่ละปีทั่วโลกต้องสูญเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 3 แสนล้านบาท ในการรักษาไข้เลือดออก
advertisement
ศ.พญ.อุษา ทิสยากร นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งเอเชีย และ รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย จึงได้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัคซีนป้องกัน ไข้เลือดออกชนิดแรกของโลก มาเผยแพร่เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับประชาชนทั่วไป รวมถึงคุณแม่และผู้ปกครอง โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการป้องกัน[ads]
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกได้จริงหรือ ศ.พญ.อุษา ทิสยากร ให้ข้อมูลว่า เนื่องจากไวรัสไข้เลือดออก มี 4 สายพันธุ์ นักวิจัยจำเป็นต้องคิดค้นวัคซีนให้สามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ครบทั้ง 4 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายนักวิจัยเป็นอย่างมากแต่ก็สามารถทำได้สำเร็จแล้ว สาเหตุที่ต้องทำให้ครบทั้ง 4 สายพันธุ์เพราะเรา ไม่สามารถทราบได้ว่าสายพันธุ์ใดจะกลับมาระบาด ในช่วงใดบ้าง จากการทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 40,000 คน ใน 15 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย พบว่าวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกสามารถป้องกันไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ได้เกินครึ่งคือ 65.6% ช่วยป้องกันการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ 80.8% และป้องกันการเกิดไข้เลือดออกแบบร้ายแรงได้ถึง 93.2 แม้จะยังไม่ครบทั้งหมด 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรที่จะช่วยป้องกันให้คุณได้เลย
advertisement
วัคซีนไข้เลือดออก ปลอดภัยแค่ไหน รศ.นพ. ทวี โชติพิทยสุนนท์ อธิบายว่าวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อตัวเป็น โดยการนำเชื้อไข้เลือดออกที่ยังมีฤทธิ์มาทำให้อ่อนฤทธิ์ลงเพื่อให้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของ ร่างกายต่อโรคนั้นๆ ได้ โดยวัคซีนนี้ประกอบด้วยเชื้อ ไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ เมื่อฉีดเชื้อเข้าไปจึงสามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ครบทั้ง 4 สายพันธุ์ และวัคซีน ตัวนี้กำหนดให้มีการฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง เว้นระยะ 6 เดือนและ 12 เดือนตามลำดับ โดยการฉีดแต่ละครั้งจะทำให้การป้องกันโรคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ[ads]
ที่น่าสนใจคือ มีผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้ว เมื่อได้รับวัคซีนไข้เลือดออก สามารถ ป้องกันได้มากถึง 81.9% ต่างจากผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ซึ่งพบว่าสามารถป้องกันได้ 52.5% เรื่องนี้อธิบายได้ว่า เนื่องจากวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเกิดจากการผสมกัน ระหว่างเชื้อไข้เหลืองกับเชื้อไข้เลือดออก จึงไม่ใช่วัคซีนที่เป็นเชื้อไข้เลือดออก 100% และเป็นเชื้อที่ไม่มีพิษ ต่างจากการติดเชื้อไข้เลือดออกสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งจากยุงลายซึ่งถือเป็นเชื้อมีพิษ 100% ผลการศึกษาดังกล่าวจึงพิสูจน์ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ไม่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกและไม่ถือเป็นการติดเชื้อครั้งแรก จึงมีความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกและองค์การ อาหารและยาของไทยให้สามารถนำมาใช้ป้องกัน ไข้เลือดออกได้
advertisement
อย่างไรก็ตาม ศ.พญ.อุษา และ รศ.นพ.ทวี ยังได้กล่าวสรุปไว้ว่า แม้จะมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกแล้ว แต่ทุกคนก็ยังต้องร่วมมือกันป้องกันไข้เลือดออกด้วยวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะเรื่องการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และประเทศไทยควรปฏิบัติตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก 5 ประการ ได้แก่ 1) ต้องวินิจฉัยโรคให้เร็วและทำการรักษาให้เร็วที่สุด 2) ต้องมีระบบการเฝ้าระวังโรค เพราะแต่ละปีสายพันธุ์และการระบาดของไข้เลือดออกก็ต่างกันไป 3) ต้องทำการ ควบคุมยุงโดยเริ่มจากที่บ้านและชุมชนของตนเอง 4) ถ้ามีวัคซีนโดยเฉพาะในประเทศที่มีโรคไข้เลือดออกระบาดมากควรรีบคิดตัดสินใจว่า จะนำวัคซีนดังกล่าวมาใช้ในการช่วยป้องกันโรคหรือไม่ และ 5) ต้องมี การทำวิจัยต่อไปอีก เพื่อให้ทุกอย่างมีการพัฒนาและดียิ่งๆ ขึ้นไป
ขอขอบคุณที่มาจาก : หนังสือพิมพ์แนวหน้า