วิธีง่ายๆ แก้ปวดหลัง จากการนั่งนานๆ!!

advertisement
ด้วยกิจลักษณะของคนสมัยใหม่ ที่ต้องนั่งติดเก้าอี้เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานออฟฟิศ หน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมทั้งผู้ที่ติดสมาร์ทโฟน มักจะมีอการปวดตามมา ไม่ว่าจะปวดคอ หลัง บ่าไหล่ เป็นต้น อาการปวดที่เกิดขึ้นนั้น หากไม่ได้รับการแก้ไข รักษาอย่างถูกวิธี อาการปวดนั้นก็จะไม่สามารถหายได้ อาจเกิดเป็นอาการปวดเรื้อรัง สร้างความทุกข์ทรมานใสการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก และอาจทำให้เสียบุคลิกภาพที่ดีด้วย สำหรับใครที่มีปัญหาอาการปวดเช่นนี้อยู่แล้วล่ะก็ ตาม Kaijeaw.com มาดูวิธีง่ายๆ แก้ปวดหลัง จากการนั่งนานๆ!!
advertisement

อาการปวดหลังจากการนั่งนานๆ นั้น ร้อยละ 90 จะมีสาเหตุมาจากการนั่งผิดท่า อิริยาบถในชีวิตประจำวันจะส่งผลต่ออาการปวดหลัง โดยสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการปวดหลังคือกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานนานๆ ชีวิตประจำวันของชาวออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เพราะคนส่วนใหญ่จะนั่งงอหลังมากกว่าเหยียดหลังตรง ทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุล เพราะกล้ามเนื้อทุกชิ้นโค้งงอไปข้างหน้า รวมไปถึงอิริยาบถการนอน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะนั่งกระแทกบนเตียงก่อนแล้วจึงล้มตัวลงนอน ซึ่งส่งผลต่ออาการปวดหลังเช่นกัน และหากมีอิริยาบถเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กๆ อาการปวดหลังจะแสดงในวัยผู้ใหญ่ อายุประมาณ 35 ปีขึ้นไป ดังนั้นจึงพบอาการปวดหลังในคนวัย 35 ปีขึ้นไปค่อนข้างมาก
โรคปวดหลังเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดของโรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ จากสถิติทางการแพทย์พบว่า ในช่วงชีวิตของคนทุกคน ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งวัยชรา จะมีโอกาสปวดหลังชนิดรุนแรงอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งถ้าหากว่าเราดูแลรักษาไม่ถูกวิธีตั้งแต่ครั้งแรก โอกาสที่โรคปวดหลังจะเรื้อรังและลุกลามก็จะมีสูงขึ้น จนกระทั่งอาจรักษาด้วยยาไม่หาย และต้องถูกผ่าตัดในที่สุด
[ads]
สังเกตุอาการปวดหลัง
อาการปวดหลังหากเกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่นยกของหนัก ขับรถนาน มากๆ หรือนั่งทำงานนานๆ หากได้นอนพักผ่อน วันรุ่งขึ้นอาการจะทุเลาลง แต่หากยิ่งมีอาการปวดมากขึ้น มีไข้ ปวดบวมแดงร้อน บริเวณกระดูกสันหลัง มีอาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการเอกซเรย์หรือทำการสแกนด้วยคอมพิวเตอร์เอ็มอาร์ไอเพื่อวินิจฉัยโรคต่อไป
advertisement

วิธีแก้ไขปัญหาปวดกล้ามเนื้อบริเวณหลังรวมไปถึงไหล่
1. เลือกใช้โต๊ะและเก้าอี้ที่มีขนาดเหมาะสม พอเหมาะกับสรีระของร่างกาย ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป
2. เลือกใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับเอนได้ มีความสูงของเก้าอี้และโต๊ะได้ระดับพอดีและควรมีหมอนหนุนหลัง ไม่ควรใช้เก้าอี้สปริงที่เอนไปมา เพราะจะไม่ได้มีการรองรับหลังเท่าที่ควร
3. คอมพิวเตอร์ที่ใช้ ควรปรับกึ่งกลางของจอให้อยู่ในระดับสายตา เวลาพิมพ์งาน แป้นคีย์บอร์ดควรอยู่ในระดับข้อศอก ข้อมือ เพื่อจะได้ไม่ต้องยกแขนขึ้นมาพิมพ์
4. สำหรับการใช้งานเมาท์ ควรเลือกใช้เมาท์ที่เป็นแทร็คกิ้ง บอล หรือไร้สายเพื่อจะสามารถนำมาใกล้ๆ ตัวได้ และสามารถใช้ได้อย่างถนัดโดยไม่ต้องยื่นแขนไป
5. ไม่ควรนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป ควรจะมีช่วงเวลาหยุดทุกๆ ชั่วโมงหรือ 45 นาทีเพื่อพักผ่อนอิริยาบถ และเวลานั่งทำงานควรยืดตัวให้ตรง เพื่อจะได้ไม่ต้องบิดตัวไปมา
6. ควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น ไม่ควรนั่งเก้าอี้แค่ครึ่งเดียวหรือปลายเก้าอี้
7. มีการบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากการลุกขึ้นเดินไปมาเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ อย่างเดินไปห้องน้ำ ดื่มน้ำ หรือทำงานอย่างอื่นแล้ว
advertisement

ท่าบริหารง่ายๆ
– ใช้มือบีบคอ ยืดกล้ามเนื้อคอ เอียงไปทางซ้ายและขวา ก้มหน้าเงยหน้า
– ยืดกล้ามเนื้อหลัง โดยการก้มตัวหน้าออกประชิดหัวเข่า เพื่อยืดและคลายกล้ามเนื้อ ควรทำช้าๆ และค้างประมาณ 10 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นยึดตัว ไม่ก้มแรงๆ หรือยืดกระแทกแรงๆ ก็จะทำให้เกิดการฉีกขาด หรือเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้
ท่าดัดตนแบบฤาษี อาจารย์พิศิษฐ์ เบญจมงคลวารี ในกรณีของอาการปวดหลัง ซึ่งไม่ใช่สาเหตุจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือมีหินปูนกดทับเส้นประสาท บางคนอาจมีอาการเส้นตึงบริเวณลำตัวช่วงบน เนื่องจากความเครียด
[ads]
ท่ายืดตัวตรงสำหร้บชาวออฟฟิศ
1) ยืนตัวตรงแล้วให้ยกแขนข้างหนึ่งจากนั้นงอศอก เพื่อจับกับมืออีกข้างหนึ่งตรงกลางหลัง เมื่อจับมือกันได้แล้ว ให้นิ่งไว้สักพัก จากนั้นสลับทำอีกข้างหนึ่ง
2) ยืนเหยียดแขนตรงไปข้างหน้าในระดับไหล่ประสานนิ้วมือ โดยให้ฝ่ามือหันออกไปค่อยๆ ยกแขนขึ้นให้มือที่ประสานกันอยู่เหนือศีรษะ
3) ยืนตัวตรงใช้มือข้างซ้ายจับข้อมือขวา นิ่งไว้สักพัก แล้วทำสลับอีกข้าง
4) ให้ยืนเกาะประตู โดยใช้มือทั้งสองข้างจับขอบประตูในระดับไหล่ แล้วใช้แขนทั้งสองเหยียดตรงไปด้านหลัง เอนตัวไปข้างหน้ายืดหน้าอก เก็บคาง
5) ยืนประสานมือบริเวณหลังให้ฝ่ามือหันลงหาพื้นค่อยๆ เหยียดแขนตรงพร้อมกับดันข้อศอกให้เข้าหากัน แล้วยกแขนขึ้น ยืดหน้าอก เก็บคาง
แนวทางการรักษาอาการปวดหลัง
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง ต้องรักษาตนเองด้วยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังรุนแรงครั้งแรกในชีวิตควรพักผ่อนจากการงานประมาณ 1 สัปดาห์ จะช่วยได้มาก เพราะหากมีอาการปวดรุนแรงแล้วยังใช้งานกล้ามเนื้อตามปรกติ การปวดหลังเฉียบพลันจะกลายเป็นอาการปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรังต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน
ใครที่ไม่อยากปวดหลังบ่อยๆ หรืออาการปวดแบบเรื้อรังแล้วล่ะก็ ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันกันแล้วนะคะ เริ่มจากการนั่งให้ถูกท่า ไม่ควรนั่งติดเก้าอี้นานจนเกินไป ต้องมีการเปลี่ยนอิริยาบทบ่อยๆ และมีการยืดกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมบ้าง และอย่าลืมที่จะออกกำลังกาย บริหารร่างกายในส่วนอื่นๆ อย่างเหมาะสมด้วยนะคะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com