สาระต้องรู้ นั่งกระโหย่ง แบบที่ชัชชาตินั่งไหว้พระ มีมาแต่โบราณ ไม่สุภาพจริงหรือ
advertisement
เป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเป็นที่จับจ้อง เป็นที่พูดถึงของประชาชนจริงๆค่ะ สำหรับคุณ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่มีซีนอยู่ตลอด จนตอนนี้ได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จากการเลือกตั้งของประชาชน ยิ่งเป็นที่จับจ้องและชื่นชมของประชาชนที่เลือกมา
ด้วยความที่ถูกจับจ้องตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่ง ท่านั่งไหว้พระ ก็มีผู้คนถ่ายภาพมาแซวมาหยอกกัน แต่แน่นอนว่า มีคนรักก็ต้องมีคนหาเรื่องจะตำหนิ มองว่าท่านั่งไหว้พระของคุณชัชชาติ ที่เหมือนนั่งยอง เป็นท่าที่ไม่เหมาะสม
advertisement
ในขณะที่มีชาวเน็ตอีกจำนวนหนึ่ง ที่พอจะมีความรู้ ก็ออกมาคัดค้านว่า ท่านั่งอย่างที่เห็น ถึงแม้จะดูไม่เหมาะสมในสายตาบางคน แต่มันคือท่านั่งที่มีมาแต่โบราณ และเป็นท่าปกติที่แม้กระทั่งพระสงฆ์ก็นั่งท่านี้
เพื่อเป็นการไขความรู้ให้กระจ่างกันไปเลย ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ โบราณนานมา ก็ได้พาเราไปรู้จักกับ “ท่านั่งโหย่ง” ที่เราเห็นกันในภาพของคุณชัชชาติ โดยได้ระบุว่า
advertisement
“นั่งกระโหย่ง การนั่งไหว้พระแบบสมัยโบราณ ที่ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสังคมไทย เห็นว่ามีคนดรามาท่านั่งไหว้พระของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่า กทม. คนใหม่ บางกลุ่มติงว่า ไม่เหมาะสมบ้าง ไม่สมควรบ้าง จริง ๆ แล้วท่านั่งนี้ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณย้อนไปไกลถึงสมัยพุทธกาลเลย ในภาษาไทยเรียกการนั่งแบบนี้ว่า “นั่งกระโหย่ง” ในประเทศไทยสมัยก่อนใช้ “นั่งกระโหย่ง” มานานแล้วเป็นเรื่องปกติและสุภาพ แต่เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น “ท่าเทพบุตร” และ “ท่าเทพธิดา” ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ถึง ๕ นี่เอง
advertisement
ในสังคมไทยบัญญัติรู้กันว่า “ท่าเทพบุตร” และ “ท่าเทพธิดา” นั้นสุภาพเรียบร้อย พอเห็นพระหรือใครที่นั่งใน “ท่ากระโหย่ง” ประคองอัญชลี ก็มักจะติเตียน แทนที่จะสอบถามและหาความรู้
advertisement
ท่านั่งสำหรับทำวินัยกรรมของพระภิกษุสงฆ์ในกรณีที่ใช้กราบเรียนและแสดงความเคารพอย่างสูงเรียกขานในภาษาบาลีว่า “อุกฺกุฏิก” (ukkuṭika) และนิยมแปลไทยว่า “นั่งกระโหย่ง” เป็นรูปแบบมาตรฐานในการขอพระอุปัชฌาย์ การขอบรรพชา อุปสมบท และปลงอาบัติ ปรากฏสำนวนในพระวินัยปิฎกหลายแห่งว่า “ปาเท วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ….” = กราบแทบเท้าแล้วนั่งกระโหย่งประคองอัญชลี
advertisement
ในอุษาคเนย์ ทางพม่าและกัมพูชา เป็นที่เข้าใจกันว่า อุกฺกุฏิก = ท่านั่งยอง (squatting) โดยฝ่าเท้าราบเต็มบนพื้น สนเท้าชิดก้น เข่าค้ำหน้าอก หลังโก่งงอ แต่ในประเทศไทยปัจจุบันไม่นิยมใช้ท่านี้ หากใช้เป็นท่านั่งคุกเข่าทับสนเท้า หลักฐานชั้นเก่าแก่ในประเทศไทยเช่นภาพจิตรกรรมและประติมากรรมอายุหลายศตวรรษก่อนปรากฏว่าท่านั่งยองในวินัยกรรม และบางพื้นที่ก็ยังมีการใช้ท่านี้อยู่ เรียกได้ว่าเป็นท่าที่ใช้แพร่หลายในประเทศพุทธศาสนาสายเถรวาทแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน
advertisement
การนั่งแบบพับเพียบ ขัดสมาธิ เทพบุตร เทพธิดา ก็เรียบร้อยดี ไม่มีการปรับอาบัติ ในท่านั่งเหล่านี้ แต่ถ้าเราได้รู้ธรรมเนียมการ “นั่งกระโหย่ง” ตามพระบาลีแสดงไว้ เพื่อสืบทอดต่อไป ให้ชนรุ่นหลังได้รู้ได้เห็นไว้ก็คงไม่เสียหาย เพราะคำว่า อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ในพระไตรปิฎกมีเยอะมาก และคนไทยเราส่วนมาก ยังไม่รู้ว่านั่งอย่างไร แต่พม่าหรือศรีลังกา มีให้เห็นโดยทั่วไป ไม่ใช่เรื่องแปลก
advertisement
การนั่งยองๆ เป็นท่านั่งที่อยู่คู่มนุษยชาติมาอย่างยาวนาน ต่อมาโลกตะวันตกได้เปลี่ยนจากนั่งยอง เป็นนั่งราบ จนไม่สามารถนั่งยองเต็มเท้าได้อีก ส่วนโลกตะวันออกยังคงมีการนั่งยองๆ กันอยู่เป็นปกติ
เมืองไทยแต่ก่อนก็นั่งยอง ๆ ไหว้พระ เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น “ท่าเทพบุตร” และ “ท่าเทพธิดา” ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ถึง ๕ นี่เอง
ป.ล. ไม่ได้บอกว่า คุณชัชชาติ นั่ง “นั่งกระโหย่ง” ตามแบบโบราณแต่อย่างใด แต่ที่จะสื่อคือ การ “นั่งกระโหย่ง” หรือยอง ๆ แบบนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติในสังคมโบราณ และปัจจุบันยังปรากฏในพม่าและศรีลังกาด้วย”
หากดูจากท่านั่งไหว้พระของคุณชัชชาติหลายๆครั้งก็คงจะอนุมานได้ว่า ไม่ได้เป็นการจงใจนั่งยองให้ไม่เหมาะสม แต่คงจะพอรู้จักการนั่งกระโหย่งมาบ้าง
advertisement
สมกับเป็นบุคคลของประชาชนจริงๆค่ะ ที่ทำอะไรก็เป็นที่จับตามอง ก็เป็นประเด็น จนทำให้คนไทยหลายๆคน ได้รู้จักกับการนั่งกระโหย่ง ที่บางคนก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com, ขอขอบคุณที่มาจาก : โบราณนานมา