6 สารเคมี ที่แม่ตั้งครรภ์ควรระวัง
advertisement
สารเคมีที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวันนั้น เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากมาก เพราะสารเคมีอยู่รอบตัวเราเลยก็ว่าได้ ทั้งที่มากับเครื่องอุปโภค บริโภค และ มลภาวะต่างๆ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาพิเศษอย่างเมื่อคุณตั้งครรภ์นั้น ต้องหลีกเลี่ยงและป้องกันตัวเองจากสารเคมีเหล่านั้นเป็นพิเศษ เพื่อสุขภาพของตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ สารเคมีอะไร อันตรายอย่างไรนั้นตาม Kaijeaw.com ไปดูกันค่ะ
advertisement
1. สารตะกั่ว
อันตรายจากสารตะกั่ว : พิษของสารตะกั่วจะทําลายสมองและระบบประสาท ตับ ไต หัวใจ ทางเดินอาหาร สารตะกั่วจะสะสมอยู่ในกระดูกและเม็ดเลือดได้นาน
อันตรายต่อทารก : สามารถซึมผ่านรกไปสู่ทารกในท้องได้ โดยระดับตะกั่วในสายสะดือจะมีค่าเท่ากับระดับตะกั่วในเลือดของแม่ทำให้ทารกแรกเกิดมีอาการพิการทางสมอง ตาบอด หูหนวก ทําลายอวัยวะต่างๆ หรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะบางส่วนของทารก หรือเสียชีวิตได้
พบได้ใน : สีทาบ้าน หรืออาจปนเปื้อนมาในอาหาร อากาศ และน้ำ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม
การป้องกัน : คุณแม่ท้องต้องระมัดระวังไม่ไปในสถานที่ใกล้กับแหล่งที่มีควันพิษจากรถยนต์หรือโรงงานอุตสาหกรรม และควรพกผ้าปิดจมูกติดตัวไว้เพื่อป้องกันมลพิษเสมอ
advertisement
2. สารปรอท
อันตรายจากสารปรอท : สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรงจากการหายใจ การสัมผัสทางผิวหนัง การกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนสารปรอท นอกจากนี้ สารปรอทที่อยู่ในรูปของเหลวยังสามารถระเหยเป็นไอได้ ซึ่งอยู่ในปรอทวัดไข้ ในกรณีที่เทอร์โมมิเตอร์แตกและหายใจไอปรอทเข้าไป สารปรอทจะดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดทันที แล้วกระจายไปยังสมองและส่วนอื่นของร่างกายอย่างรวดเร็ว ปรอทจะจับยึดเม็ดเลือดแดงแล้วกระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ไปทําลายเนื้อเยื่อสมองส่วนควบคุมการมองเห็นและความรู้สึก
อันตรายต่อทารก : สารปรอทยังสามารถผ่านทางรกไปยังทารกในท้องได้ด้วย อันตรายต่อการสร้างเนื้อเยื่อสมอง และระบบสายตา และอาจพิการได้
พบได้ใน : อาจปนเปื้อนอยู่ในอากาศ น้ำ และดินจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การเผาขยะ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตามบ้านเรือน ปนเปื้อนในเครื่องสำอาง และอาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลจะพบมากในสัตว์ทะเลตัวใหญ่
การป้องกัน : คุณแม่ท้องจึงไม่ควรเข้าใกล้ในสถานที่ที่มีการเผาไหม้ของขยะหรือเชื้อเพลิงต่างๆ เลือกใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมหรือผลิตจากธรรมชาติแทนการใช้เครื่องสำอางที่เป็นสารเคมี ล้างอาหารทะเลให้สะอาดทุกครั้งก่อนนำมาปรุงอาหารและไม่กินอาหารทะเลที่ปรุงไม่สุก
[ads]
advertisement
3. สารหนู
อันตรายจากสารหนู : หากร่างกายสามารถได้รับสารหนูทางการหายใจหรือจากการกินอาหารที่ปนเปื้อน เมื่อสารหนูเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือด ก่อนไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และจะถูกขับออกทางปัสสาวะ อุจจาระ แต่บางส่วนจะสะสมอยู่ในเลือด เล็บ และเส้นผม
อันตรายต่อทารก : ทารกที่ได้รับสารหนูที่ปนเปื้อนได้ทางน้ำนมแม่ จะทำให้มีระดับสารหนูในเลือดสูง เกิดภาวะโลหิตจาง มีจำนวนเม็ดเลือดขาวน้อยลง และการเต้นของหัวใจผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีอาการผิวหนังลอกและโปรตีนขับออกมาในปัสสาวะด้วย
พบได้ใน : สามารถปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ น้ำดื่ม อาหารทะเล เครื่องสำอาง ยาแผนโบราณ และยากำจัดศัตรูพืช
การป้องกัน : คุณแม่ท้องควรล้างผัก ผลไม้ให้สะอาดทุกครั้งก่อนนำไปปรุงอาหาร หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง และยาแผนโบราณต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์
advertisement
4. สารเคมีกลุ่มกรดวิตามินเอ (Retinoid)
อันตรายจากกรดวิตามินเอ : เนื่องจากมีผลการศึกษาว่าหากร่างกายของว่าที่คุณแม่ได้รับกรดวิตามินเอมากเกินไป อาจส่งผลต่อการแบ่งเซลล์ของตัวอ่อน ทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาอ่อน สมองผิดรูป ตาบอด หรือหัวใจพิการแต่กำเนิดฯลฯ ได้
พบได้ใน : กรดวิตามินเอชนิดรับประทาน เช่น ยารักษาสิวที่มี Isotretinoin (Accutane)
การป้องกัน : หากคุณเผลอทาครีมบำรุงผิวที่มีกรดวิตามินเอไปก่อนหน้านี้ ควรหยุดใช้ครีมชนิดนั้นๆ ทันที แต่ไม่ต้องกังวลมากเกินไป เพราะในปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาที่ระบุว่ากรด
วิตามินเอที่สัมผัสกับผิวหนังจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตั้งครรภ์ ผู้เชี่ยวชาญเพียงแต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น
advertisement
5. สารเคมีกลุ่มกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)
อันตรายจากกรดซาลิไซลิก : การได้รับกรดซาลิไซลิกเข้มข้น รวมถึงการกินยาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกจะทำให้สารเคมีซึมเข้าสู่กระแสเลือดในปริมาณมาก อาจเป็นสาเหตุของการผิดปกติแต่แรกเกิด รวมถึงอาการแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้
พบได้ใน : สารเคมีชนิดนี้อยู่ในตระกูลเดียวกับสารเคมีที่ผสมในยาแอสไพริน ใช้รักษาอาการผิดปกติของผิว ลดอาการอักเสบและรอยแดง กรดซาลิไซลิกบางชนิด เช่นบีเอชเอ และกรดบีตาไฮดรอกซี ยังใช้ในผลิตภัณฑ์ประเภทต่อต้านริ้วรอยแห่งวัยด้วย
การป้องกัน : ก่อนรับยาควรดูส่วนผสมยาและปรึกษาหมอเพื่อหลีกเลี่ยงสารเคมีชนิดนี้ งดการใช้ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงประเภททาเคลือบผิวที่มีกรดซาลิไซลิก รวมถึงการลอกหน้า ขัดผิวหรือผลัดเซลล์ผิวด้วย
[yengo]
advertisement
6. สารเคมีในยา
นอกจากนั้นยังมีสารเคมีจากยา ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง หากมีความจำเป็นควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนใช้ยา
– ยาลดความดันโลหิต เช่น Angiotensin Converting Enzyme Inhibitors (ACEI) เป็นยาที่มีรายงานทำให้เกิดความพิการแก่ทารกในครรภ์ คือการพัฒนาการของระบบการทำงานของไต โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3
– ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น Aspirin มีรายงานความผิดปกติในสัตว์ทดลอง เช่น กะโหลกศีรษะ กระดูกสันหลัง ใบหน้า ระบบประสาทส่วนกลาง แต่ในคนยังสามารถใช้ได้
– Warfarin มีหลักฐานชัดเจนว่าทำให้เกิดความพิการแก่ทารกในครรภ์ เนื่องจากมีโมเลกุลเล็กจึงผ่านรกได้ดี และจะส่งผลเสียต่อทารกจากการที่ได้รับยาตัวนี้อยู่ 2 ช่วง ได้แก่ ถ้าได้รับในช่วงสัปดาห์ที่ 6 ถึง 9 จะมีผลทำให้เกิด Warfarin embryopathy จะมีลักษณะจมูกและใบหน้าส่วนกลางเล็ก แต่หากได้รับในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 จะเกิดปัญหาที่สัมพันธ์กับการมีเลือดออกง่าย และตาบอดได้ รวมทั้งปัญญาอ่อนด้วย
– ยากันชัก จะมีความผิดปกติของหัวใจ ระบบปัสสาวะและใบหน้า รวมทั้งปากแหว่งได้
– ยากลุ่มรักษาสิว เป็น isomer ของวิตามินเอ การที่มารดาได้รับในช่วงไตรมาสแรก มีผลทำให้ทารกพิการถึง 26 เท่า หรือแท้งไปก่อน สำหรับทารกที่รอดชีวิตมาจะมีลักษณะความผิดปกติคล้ายกับกลุ่มยา Thalidomide
เพราะสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์นั้นสำคัญต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงสารเคมีทุกชนิด หากจำเป็นต้องเผชิญมลภาวะควรเตรียมตัวป้องกันอย่างดี หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หากจำเป็นต้องใช้ยาควรปรึกษาเภสัชกรและปรึกษาคุณหมอสูตินรีด้วยทุกครั้ง และอย่าลืมรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ เพื่อความแข็งแรง สมบูรณ์ของทารกเช่นกัน
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : Kaijeaw.com