สาวร้องไห้ ถูกนายจ้างยึดพาสปอร์ต ถ้าอยากกลับไทยต้องจ่าย 5 หมื่น
advertisement
กลายเป็นเรื่องที่แชร์กันเป็นจำนวนมาก เมื่อสาวเจ้าของเฟซบุ๊กคนหนึ่งร้องไห้ อย่างน่าเห็นใจเนื่องจากเธอที่เดินทางมาทำงานที่ดูไบ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง เมื่อสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ เงินทองที่หามาได้ก็ไม่พอ และเมื่อเธอร้องขอกลับประเทศ กลับถูกนายจ้างยึดพาสปอร์ตอีก
advertisement
เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวเผยว่า ตนเดินทางมาทำงานที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 มีค่าจ้าง 2,500 เดอร์แฮม หรือประมาณ 20,000 บาท ซึ่งนายจ้างบอกว่า จะมีการเปลี่ยนวีซ่าเป็นแบบทำงานภายหลัง
advertisement
ทั้งนี้ ตนทำงานที่ร้านทำเล็บ มีการระบุว่า มีที่พักฟรี ข้าวฟรี แต่จะถูกหักเดือนละ 500 เดอร์แฮมทุกเดือน เป็นค่าดำเนินการขอวีซ่า แต่พอมาอยู่จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุย ห้องพักอยู่รวมกันหลายคน แออัด ห้องน้ำมีห้องเดียว อาหารฟรีก็มีแต่ข้าวเปล่า
advertisement
ต่อมา เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตนถูกนายจ้างไล่ออก อีกฝ่ายอ้างว่าตนไม่ตั้งใจทำงาน และสูบบุหรี่ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้สูบ หลังจากถูกไล่ออก ตนอยากกลับไทย แต่กลับไม่ได้เพราะถูกยึดพาสปอร์ตเอาไว้ พอไปคุยกับนายจ้าง ก็ถูกเรียกเงิน 6,300 เดอร์แฮม ประมาณ 50,000 บาท ซึ่งมากกว่าเงินเดือนเกือบ 3 เท่า เขาบอกว่าจะเป็นค่าดำเนินการยกเลิกวีซ่าทำงาน และจะคืนพาสปอร์ตให้ ซึ่งตนไม่จ่าย เพราะถูกเลิกสัญญาจ้างและไม่ได้หนีออกมา อีกทั้งเงินจำนวนนี้มันมากเกินไป ทั้งที่ค่าดำเนินการวีซ่าอยู่ที่ 265 เดอร์แฮมเท่านั้น[ads]
advertisement
ชมคลิป<<<คลิกเลย>>>
เมื่อสอบถามนายจ้างซึ่งเป็นคนไทย นายจ้างบอกว่า ยึดพาสปอร์ตไว้จริง แต่ไม่มีการบอกข้อมูลอื่น ๆ เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อสถานกงสุลใหญ่ดูไบ ทางกงสุลบอกว่า กรณีนายจ้างลูกจ้างไม่สามารถตกลงกันได้ แนะนำให้ลูกจ้างยื่นร้องเรียนกระทรวงแรงงานฟูไจราห์ เจ้าหน้าที่จะยึดตามสัญญาจ้างที่ตกลงกัน และถ้าหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถยื่นร้องเรียนนายจ้างตามกฎหมายแรงงานของที่นี่ได้
ขอขอบคุณที่มาจาก: Manussanun Kieth