สุขภาพดี ผิวสวย..ด้วยวิตามิน
advertisement
การบำรุงผิวให้สวย ขาว ดูสดใส นั้น มีหลากหลายวิธีด้วยกันนะคะ ไม่ว่าจะ ทาครีมบำรุง ขัดสครับผิว พอกผิว ซึ่งวิธีการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการบำรุงจากภายนอก หรือเพียงแค่เปลือกเท่านั้น แต่การที่จะมีผิวขาว สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกนั้น สามารถทำได้โดยการเลือกรับประทานอาหารที่บำรุงผิว นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้ว วิตามินสารอาหารบางอย่าง ก็จะช่วยบำรุงผิวพรรณได้ดียิ่งขึ้น อะไรบ้างนั้น ตาม Kaijeaw.com มาดูกันเลยค่ะ
advertisement
วิตามินเป็นส่วนหนึ่งของสารอาหารและสารอินทรีย์ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เริ่มตั้งแต่การหายใจของเซลล์ การนำโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อ รวมถึงการผลิตพลังงาน ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์วิตามินขึ้นได้เอง เราจึงต้องได้รับวิตามินที่เป็นสารสกัดจากสิ่งมีชีวิต (Organic) ผ่านการกินอาหาร หรืออาหารเสริมอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย
วิตามิน แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มตามคุณสมบัติการละลายในตัวทำละลาย
1. วิตามินชนิดที่ละลายได้ในน้ำมันหรือไขมัน วิตามินกลุ่มนี้ เช่น วิตามินเอ อี ดี และเค วิตามินเหล่านี้จะสามารถถูกกักเก็บไว้ตามกล้ามเนื้อหรือไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ภายหลังจากที่เรารับประทานเข้าไป ข้อดีคือ เราไม่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินกลุ่มนี้ทุกวันเพราะมีสะสมอยู่ตามกล้ามเนื้อ แต่หากเรารับประทานวิตามินเหล่านี้มากเกินไป จะเกิดการสะสมมากเกินไปในส่วนต่างๆ ทำให้เป็นพิษจากวิตามินได้เช่นกัน
2. วิตามินชนิดที่ละลายได้ในน้ำ เช่น วิตามินซี และบี วิตามินกลุ่มนี้ไม่สามารถถูกสะสมหรือกักเก็บในร่างกายได้นาน เนื่องจากคุณสมบัติที่ได้ละลายได้ดีในน้ำ จึงถูกกำจัดออกทางปัสสวะหรือเหงื่อ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินกลุ่มนี้ทุกวัน จากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริม หากร่างกายได้รับวิตามินชนิดที่ละลายน้ำมากเกินไป ส่วนเกินของวิตามินจะถูกขับออกโดยไม่ทำให้เกิดพิษหรือปัญหาต่อร่างกาย [ads]
advertisement
วิตามินผิวขาว เพื่อผิวสุขภาพดี ขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
1. วิตามินซี (Vitamin C)
– มีสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยและริ้วรอยเหี่ยวย่นแห่งวัย
– ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลาเจน ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ดูมีน้ำมีนวล เต่งตึงกระชับ เปล่งปลั่ง ไร้จุดด่างดำ ผิวสุขภาพดีและเรียบเนียน
– ช่วยซ่อมแซมและรักษาส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เสริมสร้างผนังเซลล์ จึงทำให้แผลสดหายได้เร็วขึ้น และทำให้เหงือกและฟันแข็งแรงขึ้นด้วย
– ทานวิตามินซีเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคหวัดได้
– ช่วยรักษาและสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดี
– คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง ควรทานวิตามินซีจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้
2. วิตามินอี (Vitamin E)
– วิตามินอีเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) และอนุมูลอิสระซึ่งมีผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ หรือการเสื่อมสภาพของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายจึงช่วยชะลอความแก่ก่อนวัยได้
– ช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิว ทำให้รอยสิว จุดด่างดำต่างๆ จางลง จึงทำให้ผิวเปล่งปลั่ง และเรียบเนียนใสนั่นเองค่ะ
– ช่วยรักษารอยแผล สมานแผล ลดการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
– ช่วยป้องกันอันตรายจากแสงแดดหรือแสงอุลตร้าไวโอเล็ต (UV) ที่ทำลายเซลล์ผิวชั้นนอก เป็นตัวการทำให้ผิวหมองคล้ำ ส่งผลให้ผิวแก่ก่อนวัยอันควร
แหล่งอาหารที่ให้วิตามินอี : โปรตีน ไขมัน พืชผัก ผลไม้ บรอกโคลี ข้าวสาลี เมล็ดทานตะวัน ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น
3. Grape Seed
คือสารสกัดเข้มข้นจากเมล็ดองุ่น เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง จนถูกเรียกว่า "Super Antioxidant" ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระ นับได้ว่ามีฤทธิ์แรงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอี 50 เท่า นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายคอลลาเจนได้เป็นอย่างดี จึงได้รับความนิยมในการนำมาบำรุงผิวพรรณ โดยมีสาร OPC ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง อันเป็นสาเหตุทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอยก่อนวัย ป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระ นอกจากนี้ยังปกป้องผิวจากรังสี UV ลดอาการผิวไหม้จากแสงแดดที่ทำร้ายผิว ดังนั้นการทาน Grape Seed จึงช่วยให้ผิวพรรณขาวใสและสุขภาพดี
แหล่งอาหารที่ให้ Grape Seed : จากเมล็ดองุ่น เวลาทานองุ่นก็เคี้ยวทานเมล็ดด้วยนะคะ
4. โคเอนไซม์ คิวเทน (Q10)
โคเอนไซม์ คิวเทน หรือ โคคิว 10 หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ยูบิควิโนน (Ubiquinone) เป็นสารคล้ายวิตามินที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ ส่งผลให้เซลล์ และกล้ามเนื้อในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ
Q10 สังเคราะห์มาจากรดอะมิโน ไทโรซีน (Tyrosine) ช่วยทำให้เซลล์แก่ช้า และ ฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ช่วยการทำงานของต่อมไทรอยด์ให้กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ดังนั้นจึงนิยม Q10 มาบำรุงผิว
– เป็นสารต้านการเกิดออกซิเดชั่นและอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถลดริ้วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง
– ลดริ้วรอย ช่วยให้ร่องลึกนั้นตื้นขึ้นมาได้นั่นเอง
– ช่วยป้องกันรังสีอุลตราไวโอเลต อันได้แก่ UVA และ UVB ตัวการทำร้ายผิวถึงชั้นหนังแท้ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึก
advertisement
5. วิตามินบีรวม
เป็นกลุ่มของวิตามินที่มีความจำเป็นต่อเส้นประสาทและความสมบูรณ์ของอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยวิตามิน บี 1, บี 2, ไนอะซีน, แพนโทธีนิก แอซิด, บี 6, บี 12, โฟลิก แอซิด, ไอโนซิทอล และโคลีน ปริมาณในการกินวิตามินบีเพื่อเป็นอาหารเสริมควรอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 มก. ต่อวัน
– ช่วยในการบำรุงสุขภาพผิว ผม สายตา ตับแล้ว
– มีประโยชน์อย่างมากในการรักษาความผิดปกติของเส้นประสาทและคลายความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน
– ช่วยให้กระฉับกระเฉง [yengo]
6. น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
– ช่วยต้านการอักเสบ เป็นองค์ประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์
– ช่วยป้องกัน และยับยั้งการลุกลามของภาวะประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน
– บำรุงผิวพรรณ รักษาผิวหนังอักเสบ
– พบรายงานวิจัยบ่งชี้ว่าการรับประทานน้ำมันอีฟนิงพริมโรส มีผลในการรักษาภาวะประจำเดือนผิดปกติ คลายการเจ็บเต้านมช่วงก่อนมีประจำเดือน และช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
ปริมาณในการกินน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ไม่เกิน 3,000 มก. ต่อวัน สำหรับผลข้างเคียงอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ ผื่นแพ้และลมชักกำเริบได้
7. กลูต้าไธโอน
สารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ สามารถสังเคราะห์ได้เอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง
– ปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
– กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
– ช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย
ผลิตภัณฑ์กลูตาไธโอน มักอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำ ซึ่งสามารถถูกทำลายได้ในทางเดินอาหารของมนุษย์ ดังนั้นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการกินกลูตาไธโอนจึงแทบจะไม่มีเลย ทำให้มีคนพยายามนำกลูตาไธโอนในรูปแบบยาฉีดมาใช้แทนยากินมากขึ้น แต่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของกลูตาไธโอน เพื่อให้ผิวขาวใสนั้นก็ยังไม่มีการพิสูจน์ผลที่ชัดเจน
8. Zinc(สังกะสี)
– ช่วยรักษาบาดแผลในร่างกาย
– ช่วยให้ร่างกายดำรงความสมดุลในผู้ใหญ่ และช่วยทำให้เกิดความเจริญเติบโตในเด็ก ควบคุมฮอร์โมน สังเคราะห์โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ เสริมภูมิคุ้มกัน
– zinc ประกอบด้วยเอ็นไซม์ที่ควบคุมกระบวนการเผาผลาญ
– ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระโดยปัจจัยต่างๆ หน้าที่ของ zinc
– ช่วยควบคุมอาการผิดปกติของผิวและช่วยในการรักษาบาดแผล
อาหารเสริม zinc จะให้ผลดีที่สุดหากกินก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงหลังอาหาร อย่างไรก็ดีหากมีอาการปวดท้องควรกินพร้อมอาหาร และไม่ควรกินร่วมกับอาหารที่มีแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสสูงเพราะอาจทำให้การดูดซึมสังกะสีลดลง
แหล่งของธาตุสังกะสี (zinc) ที่พบในธรรมชาติ พบมากใน อาหารทะเล (โดยเฉพาะในหอยนางรม) เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ข้าวกล้อง รำข้าวสาลี หัวหอม มะเขือเทศ มะม่วง แอปเปิ้ล สับปะรด งา เมล็ดอัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน ถั่วเขียว ถั่วลิสง และเมล็ดฟักทอง สังกะสีจะเสื่อมสลายได้ง่ายหากปรุงอาหารด้วยความร้อนและผ่านกรรมวิธีมาก
จะเห็นได้ว่า วิตามินต่างๆ เหล่านี้ สามารถทานได้จากอาหารในธรรมชาติ โดยเฉพาะ ผัก ผลไม้ แต่อย่าลืมว่าการทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่นั้นสำคัญที่สุด เลือกทานแต่อาหารที่ดีๆ มีประโยชน์จะทำให้สุขภาพและผิวพรรณดีได้ ส่วนในรูปแบบอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์วิตามินต่างๆ ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เหมาะแก่ผู้ที่รู้ตัวว่าทานอาหารได้ไม่เพียงพอ ให้ความสะดวก สบายขึ้น ทั้งนี้ก่อนใช้วิตามินใดๆ ก็ควรปรึกษาและซื้อจากเภสัชกรณ์ผู้เชี่ยวชาญในทุกๆ ครั้งค่ะ
เรียบเรียงเนื้อหาโดย : kaijeaw.com