อดีตเพื่อนเรียกเธอว่า “โอ่ง” เพราะเธอหนักถึง 109 กิโล แต่วันนี้เธอผอมลงจนจำแทบไม่ได้เพราะน้ำหนักเธอหายไป 30 กิโลด้วยสูตรนี้…
advertisement
สวัสดีค่ะ คือจะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ลดความอ้วน 30กิโลใน60วัน ทำได้ไง?
advertisement
สวัสดีค่ะ ชื่อเปา อายุ 22 ค่ะ คือก่อนหน้านี้มีช่วงนึงที่ปล่อยตัวมากๆ ใช้ชีวิตไปกับการกินๆๆๆๆๆๆกิน กินทุกอย่างที่ตัวเองชอบ ของหวาน ของทอด ของมัน ของจุกจิกขนมกรอบน้ำแป็ปซี่ กินวันละ4-5มื้อ กินทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นยันนอน 555+ ไหนจะปาร์ตี้หมูกระทะสุดสัปดาห์อีก กินจนอ้วนเบอะ ดูได้จากวิวัฒนาการของหน้าที่ใหญ่ขึ้นๆบวมขึ้นๆ
ตัวนี้ไม่ต้องพูดถึงน้ำหนักตอนนั้นประมาณ95 เทียบได้กับโอ่งเลย พอเริ่มมีคนทักเยอะเข้า ส่องกระจกดูรูปร่างตัวเองเอามาเทียบกับรูปเมื่อก่อนโอ้แม่เจ้า แทบจะเป็นลม ทำไมชั้นเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เลยตัดสินใจ เอาล่ะ ชั้นจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คนในรูปต้องกลับมา พอคิดได้อย่างแรกที่ตัดสินใจตอนนั้น คือยาลดความอ้วน ราคาเท่าไหร่ผลข้างเคียงเป็นยังไงไม่สน ใครว่าดีเอาหมด พอกินไปๆแรกๆน้ำหนักก้อลง4-5โลน่ะ และก็นิ่งไป พอหยุดกินเท่านั้นแหละ ผลที่ได้ไม่ไช่น้ำหนัก95แต่ขึ้นเป็น109 อ้ากกกหมดไปตั้งหลายพันแถมได้น้ำหนักเพิ่มมาอีกไม่ได้อะไรเลย นอยสุดๆตอนนั้น
advertisement
พอหลังจากน้ำหนักขึ้นก้อท้อละคิดว่าอ้วนก้ออ้วนว่ะ ดูแล้วไม่มีทางจะลดได้หลอก แค่คิดก้อแบบท้อแล้วอะเหนื่อยละ เพราะวิธีที่ลดง่ายสุดคือยาลดความอ้วน เรายังลดไม่ได้เลย แล้ววิธีออกกำลังกายอดอาหารไม่ต้องพูดถึงไม่ได้แน่นอน ตอนนั้นเรามาไกลมากแบบมากที่สุด เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะหนัก109โล เสื้อผ้าที่เคยใส่ได้ตอนนี้ก็ใส่ไม่ได้แล้ว ไซส์เสื้อผ้าก็หายาก เหนื่อยง่าย รู้สึกอึดอัดไปหมดเหมือนตัวจะแตกอ่ะ เอาเรยหลังจากล้มเลิกความคิดที่จะลดความอ้วน เริ่มคิดไหม่ค่ะต้องลดไห้ได้ต้องทำได้บอกตัวเองเรย เริ่มจากการออกกำลังกาย จากที่เป็นคนขี้เกียจมากไม่ชอบเวลาเหงื่อออก เวลาวิ่งน้ำหนักเราเยอะก็จะเจ็บขาเจ็บเข่า ก้อไม่สนละค่ะ ออกกำลังกายเข้าฟิสเน็ตวิ่งๆๆๆๆๆ
[ads]
วิ่งจนขาแทบฉีกตัวจะขาดออกจากกันเรย เหนื่อยมากเพราะเราอ้วนมากเรยเหนื่อยกว่าคนปกติ ผลที่ได้คือน้ำหนักก้อลงนะค่ะ แต่ลงน้อยใช้เวลามากอะ หลังจากนั้นก็เลยอ่านหนังสือ หาข้อมูลในการลดน้ำหนักที่เห็นผลเร็วระยะยาว ปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน ได้ข้อมูลมาว่า ต้องเริ่มปรับที่พฤติกรรมในชีวิตประจำวันเราก่อนเลย ต้องแก้ที่ต้นเหตุก่อนคือ
1.หาแรงบันดาลใจว่าเราลดน้ำหนักเพราะอะไร (เพราะอยากสวยเหมือนเพื่อน,โดนล้อ,โดนแฟนทิ้ง,สุขภาพแย่,แฟนขอ,อื่นๆ) ยิ่งแรงบันดาลใจดีเราจะไม่มีวันล้มเลิกแน่นอน
2.ตั้งเป้าหมายไว้เลยว่า อยากลดกี่โลในกี่เดือน (การมีเป้าหมายชัดเจน จะทำให้เราลดได้เร็วขึ้น)
3.กินให้ครบ3มื้อ ( การอดอาหารจะทำให้โยโย่หลังหยุดลดน้ำหนัก เพราะเราอยากกิน อดมานาน พอมากินอีกทีก็ใส่ไม่ยั้งเลยจ๊ะ ผลลัพธ์ก็คือหนักกว่าเก่าอีก )
4.ทานแป้งและคาร์โบไฮเดรทและของหวานให้น้อยลง ลดปริมาณแป้งจากทานข้าวมื้อละ2ทับพี เหลือสักทับพีเดียว
5.งดทานของมันของทอดของหวานและแอลกอฮอล์ ถ้างดไม่ได้ให้ลดแป้งแทน (ตัวอย่างวันนี้ต้องทานน้ำหวานช่วงบ่าย ช่วงเย็นก็งดข้าวแทน แต่ทานกับข้าวได้เหมือนเดิมนะ )
6.กับข้าวให้ทานแต่พอดี พยายามกินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น อกไก่ ปลาแซลมอล หรืออาหารที่แคลลอรี่ต่ำๆ
7.ดื่มน้ำอย่างต่ำวันละ 8-10แก้ว ช่วยทำให้ท้องอิ่มระหว่างวันทำไห้ไม่กินจุกจิกได้
8.หลีกเลี่ยงการทานหลัง6โมงเย็น เพราะเป็นเวลาพักผ่อนร่างกายไม่ได้เผลาผลาญไขมัน
9.ควรดีท็อกลำไส้อาทิตย์ละ2-3วัน เพื่อขับล้างสารพิษและอาหารตกค้างในลำไส้
10.ออกกำลังกาอย่างน้อยอาทิตย์ละ4-5วัน เพื่อช่วยเผลาผลาญไขมันหรือแคลลอรี่อาหารที่เราทานในแต่ละวัน ทำให้อาหารที่เราทานในแต่ละวัน สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานนำมาใช้ประโยชน์ได้เลย
11.ข้อสุดท้ายคือการทานอาหารเสริม แต่เลือกให้ดีๆนะค่ะ เพราะในตลาดมีเยอะมาก ต้องเลือกที่ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ปวดหัว ไม่เบลอ นอนไม่หลับ อันตรายถึงตายได้เลย อาหารเสริมจะช่วยเผลาผลาญไขมันสะสมตามหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ช่วยยับยั้งไขมันใหม่ (เปรียบเสมียนน้ำในโอ่ง เราตักน้ำออกทุกวัน ส่วนน้ำใหม่เราก็ไม่ใส่เข้าไป ไม่นานน้ำก็หมดโอ่ง)
advertisement
advertisement
advertisement
advertisement
สรุปง่ายๆก็คือ เปาทั้งออกกำลังกาย ทั้งคุมอาหาร ทั้งทานอาหารเสริม อาหารเสริมที่เปาทานของ ดร.เฮลธ์ น่ะ กล่องเขียวๆราคาหลักร้อย แต่เห็นผลดีมากแถมปลอดภัยด้วย ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือเปาไม่ท้อ ยิ่งลดได้ยิ่งมีกำลังใจ เพราะเรามีแรงบันดาลใจที่ชัดเจน เรารู้ว่าเราลดเพราะอะไร ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง การออกกำลังกายทุกวันๆ พร้อมกับการควบคุมอาหาร แล้วก้อตั้งกฎกับตัวเองว่าต้องไม่กินจุกจิกต้องกินเป็นเวลา แล้วที่สำคัญ>>ห้ามท้อ<<ท่องๆไว้เรยค่ะ รับรองทำได้ตอนนี้เราจาก109โล เหลือ79ละค่ะภายใน60วัน อีกไม่เยอะล่ะ เป้าหมายคือ60โลค่ะ สู้มากสู้สุดๆท้อไหมก้อมีนะขี้เกียจก้อมีบางทีแต่เพื่อตัวเราค่ะ เลยทำได้แล้วก้อจะลดต่อไปเรื่อยๆ ยังงัยก้อขอเป็นกำลังใจไห้สาวๆหลายๆคนที่ยังอวบยังอ้วนที่ยังต้องการลดความอ้วน อย่ารอค่ะอย่ารอไห้มันไปไกล ถ้าตั้งใจทำได้ค่ะ สวยแน่นอนน้ำหนักเราทำมันขึ้นได้ก้อต้องเอาลงได้ค่ะเป็นกำลังใจให้นะค่ะ ใครอยากรู้เมนูอาหารแคลลอรี่ต่ำกินแล้วไม่อ้วนหาซื้อได้ทั่วไป สูตรดีท็อกล้างลำไส้ด้านล่างได้เลยค่ะ
…20 เมนูลดน้ำหนัก กินยังไงก็ไม่อ้วน……
1.ส้มตำไทย……….60 แคลอรี่
2.แกงจืดมะระยัดไส้…….90 แคลอรี่
3.ยำวุ้นเส้น……….120 แคลอรี่
4.ซุปไก่……….120 แคลอรี่
5.เส้นหมี่น้ำใส……….200 แคลอรี่
6.แกงเห็ดรวม……….90 แคลอรี่
7.ต้มยำกุ้งน้ำใส……….90 แคลอรี่
8.ต้มเลือดหมู……….120 แคลอรี่
9.ส้มตำปู……….35 แคลอรี่
10.ซุปหน่อไม้……….90แคลอรี่
11.แกงจืดเต้าหู้หมูสับ…….90 แคลอรี่
12.แกงจืดตำลึงหมูสับ……..90 แคลอรี่
13.โจ๊กหมูไม่ใส่ไข่……..160 แคลอรี่
14.แกงเหลืองปลา……….80 แคลอรี่
15.แกงส้มผักรวม……100 แคลลอรี่
16.กระเพาะปลา……….250 แคลอรี่
17.ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก…….180 แคลอรี่
18.ต้มจับฉ่าย……..90 แคลลอรี่
19.ซุปมิโซะ………50 แคลลอรี่
20.น้ำพริกผักต้ม……….70 แคลอรี่
advertisement
ดีท็อกล้างสารพิษด้วยน้ำมะนาว
ตื่นเช้ามาให้ดื่มน้ำมะนาวเป็นอันดับแรก โดยบีบมะนาว1ลูก ในน้ำอุ่น1แก้ว พร้อมกับแช่เปลือกมะนาวลงไป ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยดื่ม หากทำอย่างนี้ทุกเช้าจะช่วยดีท็อกร่างกาย ซึ่งจะมีผลช่วยให่น้ำหนักลดลง หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ให้บีบมะนาวในน้ำเย็น1แก้ว พร้อมกับแช่เปลือกมะนาวลงไปด้วย ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยดื่ม จะช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
[yengo]
advertisement
ดีท็อกด้วยเม็ดแมงลัก
ตักเม็ดแมงลักมาแช่น้ำ1แก้ว ทิ้งเอาไว้จนกว่าจะพองเต็มที่ แล้วนำมากินก่อนนอนทุกคืน จะช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ใครที่ไม่ชอบเม็ดแมงลักแบบจืดๆ ก็สามารถนำไปผสมน้ำอื่นๆดื่มได้ค่ะ เช่นน้ำขิง น้ำใบเตย น้ำเต้าหู้ หรือจะผสมกับอาหารเบาๆอย่างโจ๊ก ข้าวต้ม แต่ก่อนจะกินเม็ดแมงลักเข้าไปต้องแน่ใจก่อนว่าพองเต็มที่แล้ว หากยังพองไม่เต็มที่ ก็จะทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อน ไปอุดตันในลำไส้ จนทำให้ท้องผูกได้ค่ะ
advertisement
ที่มา : Facebook : SlimDrHealth Line : @Dr.Health (ใส่@ด้วยก่อนคำว่าDr.Health )