หนูน้อยวัย 5 เดือน จากไปด้วยไข้ RSV เตือนผู้ปกครองควรเฝ้าระวัง
advertisement
ไวรัส RSV (RSV Virus) คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งจำนวนมาก เช่น เสมหะ เป็นต้น เชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม ผู้ป่วยมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นหวัด คือ ปวดศีรษะ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล พบผู้ที่ติดเชื้อไวรัส RSV ได้ในทุกวัย แต่พบมากในเด็กและทารก ซึ่งเป็นวัยที่มักเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนได้
และล่าสุดได้มีการแชร์แสดงความเสียกับครอบครัวของน้องที่เป็นไข้ PSV ที่ได้เสียชีวิต ซึ่งน้องอายุเพียง 5 เดือนเท่านั้น ฉะนั่นแล้วอยากให้คุณพ่อคุณแม่สังเกต ลูกน้อยของเราให้ดี เมื่อมีอาการเหมือนไม่สบายให้รีบไปหาหมอ[ads]
advertisement
และเมื่อข่าวนี้แผร่ออกไปชาวเน็ตต่างให้กำลัง และหลายคนเองก็พบว่าลูกกำลังเป็นโรคนี้อยู่
advertisement
โดยปกติ อาการของการติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็กโตและผู้ใหญ่จะดีขึ้นหลังได้รับการรักษาเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ในเด็กเล็กและทารกหลังสัมผัสกับเชื้อไวรัสในช่วง 2-8 วัน อาจมีอาการที่รุนแรงมากกว่า โดยพบอาการได้ดังนี้[ads2]
– เบื่ออาหาร
-หายใจเร็วกว่าปกติ
-หายใจมีเสียงหวีด หายใจลำบาก
-จาม ไอ มีไข้ น้ำมูกไหล
-หงุดหงิดง่าย หรือเซื่องซึม
เด็กหรือทารกที่มีอาการดังนี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
ประสบภาวะขาดน้ำ สังเกตได้จากตอนร้องไห้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมา
-ไอและมีเสมหะเป็นสีเทา สีเขียว หรือสีเหลือง
-หายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ หรือหอบเหนื่อย
-มีน้ำมูกเหนียวทำให้หายใจลำบาก
-ปลายนิ้วหรือปากเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำจากภาวะขาดออกซิเจน
-เด็กทารกที่มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เซื่องซึม เบื่ออาหาร หรือมีผื่นขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ
การรักษาการติดเชื้อไวรัส RSV
-การรักษาการติดเชื้อไวรัส RSV ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ และประคับประคองให้อาการหายใจดีขึ้น แต่ในกรณีที่อาการรุนแรงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาล ในเบื้องต้น ดูแลและรักษาอาการที่บ้าน ดังนี้
-เพิ่มความชื้นในอากาศ เพื่อระบบทางเดินหายใจที่ดีขึ้น ไม่ควรให้ค่าความชื้นในอากาศมากเกินร้อยละ 50 เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ
-นั่งหรือนอนในตำแหน่งที่หายใจได้สะดวก เช่น นั่งตัวตรง ไม่ห่อตัว ใช้หมอนที่ไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป
-ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะน้ำจะช่วยทำให้สารคัดหลัง เช่น เสมหะ หรือน้ำมูก ไม่เหนียวจนเกินไป และไม่ไปขัดขวางการทำงานของระบบทางเดินหายใจ
-ใช้ยาหยอดจมูก เพื่อช่วยลดอาการบวมของจมูก อาจล้างจมูกด้วยน้ำเกลือและดูดน้ำมูกเพื่อทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น
-รับประทานยาในกลุ่มอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) เพื่อลดไข้
การป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV
การป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ทุกคนในครอบครัวถช่วยกันปฏิบัติตน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนี้
-ล้างมือให้สะอาด ล้างมือบ่อย ๆ เช่น ก่อนมื้ออาหาร หลังเข้าห้องน้ำ เป็นต้น
-หลีกเลี่ยงให้เด็กที่คลอดก่อนกำหนดและทารกในช่วงอายุ 1-2 เดือนแรกสัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ เช่น ผู้ที่เป็นไข้หรือเป็นหวัด
-ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ โดยเฉพาะทิชชูที่ใช้แล้ว ควรทิ้งลงถังขยะที่ปิดมิดชิด
-ไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น ควรใช้แก้วน้ำของตัวเอง และหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำที่ผู้ป่วยใช้แล้ว
-หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ทารกที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส RSV และพบอาการที่รุนแรงได้มากกว่า
-ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบว่าเด็กที่ป่วยมาเล่นของเล่นนั้น ๆ[ads3]
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องด้วยนะคะ ต้องมาจากไปเพียงวัยแค่5ขวบเท่านั้น อย่างไรแล้วฝากเป็นอุทาหรณ์เตือน ให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังลูกหานของเราด้วยนะคะ
ขอขอบคุณที่มาจาก: ศิริมา ศิริชัยนาคร