หมอเสริฐ เศรษฐีอันดับ 11 ตอบรับ จม.นายกฯ ทุ่มงบ 100 ล้านแก้ภัยแล้ง
advertisement
นายแพทย์ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ อดีตประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานกรรม การบริหาร และกรรมการบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด เจ้าของสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส และผู้ถือหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ในเครือ กรุงเทพดุสิตเวชการ ที่นิตยสาร ฟอร์บส์จัดอันดับเป็นมหาเศรษฐีคนไทย อันดับ 11 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 84,900 ล้านบาท ได้ออกมากล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐีไทย ว่า มาตรการเยียวยา และการดูแลผลกระทบของประชาชนของรัฐบาล ออกมาค่อนข้างมาก และได้ผลดีในระดับหนึ่งแล้ว
ตนในฐานะที่มีความพร้อมด้านการบิน และการแพทย์ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่แพทย์สภา และกระ ทรวงสาธารณสุข ในการนำเครื่องบินไปรับส่งบุคคลากรทางการแพทย์จำนวนมากเพื่อเดินทางไปรักษาผํู้ป่วยติดเชื้อในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะที่ภูเก็ต และช่วยให้การศึกษาแก่ผู้คนในการระมัดระวังการติดเชื้อจนประสบความสำเร็จในหลายจังหวัด
advertisement
ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีร้องขอมา คิดว่า ปัญหาที่ประเทศไทย จะต้องเผชิญต่อจากโควิด-19 คือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ จึงอยากจะช่วยรัฐบาลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดสุโขทัย เนื่องจากใต้ดินมีน้ำจำนวนมาก ที่สามารถนำมาใช้เพ่ือการเกษตรกรรมได้ เดิมทีสุโขทัย และ จังหวัดใกล้เคียง ใช้น้ำจากแก่งเสือเต้นซึ่งเป็นที่รวมของแม้น้ำปิง วัง ยม น่าน แต่เมื่อรัฐบาลไม่ให้ใช้แก่งเสือเต้น น้ำที่หลากมาตอนฤดูฝนก็จะไหลผ่านเมืองลงทะเลไป ไม่สามารถเก็บกักมาใช้ทำประโยช์ได้ในหน้าแล้ง เห็นได้จากตอนนี้ แม่น้ำยมสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ เพราะน้ำแล้งแห้งขอด
ทั้งนี้ ตนอยากจะช่วยออกเงิน ให้รัฐส่งผู้แทนจังหวัดมา มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสม และไม่ทำให้เจ้าของที่ดินเดิมเดือดร้อน พร้อมทหารช่าง รวมถึงอาจจะจ้างทหารที่เกษียณราชการแล้ว แแต่ยังมีกำลังวังชาอยู่ มาช่วยกันขุดบ่อน้ำเล็กๆให้ชาวบ้าน มีน้ำไว้ใช้ หากช่วยกันคนละไม้คนละมือ อาจใช้เวลาขุดบ่อน้ำให้ชาวบ้านไว้เลี้ยงปลา และทำนาปรังได้ภายในเวลาเพียง 10 วัน [ads]
โดยตั้งงบไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อขุดน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ แต่กรณีนี้ ต้องให้รัฐบาลยินยอมที่จะให้มีการขุดน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ด้วย เมื่อแต่ละจังหวัดมีน้ำใช้เพียงพอ เกษตรกรก็สามารถจะจับปลาไปขาย และมีน้ำไว้ทำนาปรัง เชื่อว่า ปีหน้า ราคาข้าวน่าจะสูงขึ้น เพราะปีนี้น้ำแล้ง ปลูกข้าวไม่ค่อยได้
advertisement
ส่วนตัวคิดว่าเป็นประโยชน์กว่าการเอาเงินไปให้รัฐบาล หรือโรงพยาบาลซึ่งก็มีคนบริจาคกันไปมากแล้ว แต่การเตรียมการหลังโควิด-19 หยุดแพร่ระบาด ยังไม่ได้มีคนคิด คิดว่าส่ิงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ที่สำคัญ ยังสามารถขุดลอกแม่น้ำยมให้มีความลึกได้มากกว่านี้ หรือลึกลงไปราว 20 เมตรเพื่อเอาน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ หรือ อย่างบึงบอระเพ็ด ซ่ึ่งเคยเป็นทะเลสาบใหญ่ของจังหวัดนครสวรรค์ ก็สามารถจะขุดให้ลึกลงไปได้อีกเพ่ือนำน้ำใต้ดินมาใช้ และเก็บกักน้ำไว้ในยามน้ำแล้งได้ โดยเฉพาะเม่ือถึงฤดูฝนก็ไม่ต้องปล่อยให้น้ำฝนไหลผ่านลงทะเลไปโดยเปล่าประโยชน์
สำหรับบ่อเล็กๆที่จะขุดเอาน้ำใต้ดินมาใช้นี้ หากสามารถเชื่อมต่อกันได้ในอนาคตเพ่ือให้เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ก็ยิ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่
“ถ้าปีนี้ไม่ทัน อย่างน้อยปีหน้าก็จะมีน้ำไว้ให้เกษตรกรและประชาชนใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคได้ ผมคิดว่า ข้อเสนอของผมน่าจะช่วยรัฐบาลและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้มาก”
สำหรับการออกมาช่วยประเทศชาติบ้านเมืองในช่วงวิกฤตแบบนี้ ก็มีเศรษฐีหลายๆท่านตอบรับ และมีความช่วยเหลือแตกต่างกันออกไป ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี รวมทั้งคนไทยเองก็ต้องร่วมมือร่วมใจในครั้งนี้ด้วย
ขอขอบคุณที่มาจาก : thairath.co.th